Johnnie Walker: ตำนานแห่งสก็อตช์วิสกี้ระดับโลก
เมื่อพูดถึงสก็อตช์วิสกี้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ชื่อของ Johnnie Walker ย่อมต้องถูกกล่าวถึงเสมอ เพราะแบรนด์นี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีความหมายในวงการวิสกี้อย่างลึกซึ้ง ด้วยการผสมผสานระหว่างคุณภาพและนวัตกรรม ทำให้ Johnnie Walker กลายเป็นแบรนด์ที่สามารถดื่มได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงหรูหรา หรือค่ำคืนสบาย ๆ ที่บ้าน
ประวัติศาสตร์ของ Johnnie Walker
Johnnie Walker (จอห์นนี่ วอล์กเกอร์) เริ่มต้นจากร้านขายของชำเล็ก ๆ ในเมือง Kilmarnock, สก็อตแลนด์ ในปี 1820 โดย John Walker ที่เริ่มต้นขายวิสกี้ที่ได้รับการผสมผสานอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและเสมอต้นเสมอปลาย จนต่อมา Johnnie Walker ได้ขยายการผลิตและเริ่มสร้างชื่อเสียงทั่วโลก โดยเริ่มขายในบรรจุภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ในรูปทรงขวดสี่เหลี่ยมที่ทำให้แบรนด์นี้แตกต่างจากวิสกี้ชนิดอื่น
Johnnie Walker มีการสร้างความแตกต่างในการตลาดด้วยการใช้สัญลักษณ์ของ "The Striding Man" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักและมีความหมายถึงการเดินทางที่ไม่หยุดยั้ง และความมุ่งมั่นในคุณภาพและความก้าวหน้า ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ได้อย่างดี
ช่วงเวลาของการเติบโต
การเติบโตของแบรนด์ Johnnie Walker มาถึงจุดสูงสุดในปี 1909 เมื่อ Johnnie Walker เปิดตัว Red Label และ Black Label ซึ่งทั้งสองกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยที่ Red Label ได้รับความนิยมจากรสชาติที่สดชื่นและร้อนแรง ส่วน Black Label ถือเป็นวิสกี้ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ที่ต้องการรสชาติที่เข้มข้นและซับซ้อนมากขึ้น
หลังจากนั้น Johnnie Walker ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น เช่น Blue Label ที่เป็นวิสกี้ระดับพรีเมียมสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การดื่มที่ดีที่สุด รวมถึง Gold Label และ Green Label ที่เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่หลงใหลในความหลากหลายของวิสกี้สก็อตช์
ความโดดเด่นของ Johnnie Walker
Emma Walker (ซ้าย) Master Blender คนปัจจุบัน และ Jim Beveridge (ขวา) Master Blender ผู้สร้างตำนานให้กับ Johnnie Walker กว่า 40 ปี
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ Johnnie Walker โดดเด่นคือการผสมผสานระหว่างวิสกี้ที่มาจากหลากหลายแหล่งของสก็อตแลนด์ โดยการเลือกวิสกี้จากหลายๆ Distillery มาผสมกันอย่างพิถีพิถัน อีกทั้งฝีมือและประสบการณ์ของ Master Blender ในการรังสรรค์รสชาติต่าง ๆ เพื่อให้ได้สัมผัสที่กลมกล่อมและเสมอต้นเสมอปลาย นั่นจึงทำให้ Johnnie Walker เป็นวิสกี้ที่สามารถดื่มได้ในทุกโอกาสและเป็นที่นิยมในหมู่นักดื่มทุกระดับ
ปัจจุบัน ตำแหน่งผู้ควบคุมดูแลการ Blend หรือ Master Blender ของ Johnnie Walker คือ Emma Walker ซึ่งรับช่วงต่อจาก Jim Beveridge ที่เกษียณอายุในเดือนธันวาคม ปี 2021 หลังสร้างสรรค์ Whisky ระดับตำนานไว้มากมาย ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี
Johnnie Walker ที่ควรรู้จัก!
Johnnie Walker Red Label
< ↑ Explore : Johnnie Walker Red Label >
ถือเป็นฉลากเริ่มต้นของแบรนด์ที่มีความเข้มข้นและรสชาติที่สะดุดใจ ด้วยการผสมผสานของ วิสกี้จากหลายภูมิภาค ทำให้ Red Label มีรสชาติที่กลมกล่อมและคมชัด เหมาะสำหรับการดื่มแบบ คลาสสิก หรือผสมค็อกเทล เช่น Whiskey Sour หรือ Whisky and Coke นอกจากนี้ยังเป็นวิสกี้ที่ได้รับความนิยมมากใน ตลาดโลก ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและรสชาติที่โดดเด่น
คาแรคเตอร์: รสชาติเข้มข้น ตัดกับความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศและกลิ่นของผลไม้
Johnnie Walker Black Label
< ↑ Explore : Johnnie Walker Black Label >
หนึ่งในฉลากที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับคอวิสกี้ที่ต้องการสัมผัส ความสมดุล ระหว่างรสชาติและความลึกซึ้ง โดยมีการผสมผสานของ วิสกี้กว่า 30 ตัว ซึ่งนำมาจากแหล่งผลิตที่หลากหลายทั่วสกอตแลนด์ จุดเด่นของ Black Label คือการมีรสชาติที่ ซับซ้อน พร้อมทั้งกลิ่นควันไม้และมอลต์ที่ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกถึงความเป็นตัวของตัวเองในทุกๆ หยด
คาแรคเตอร์: รสชาติที่กลมกล่อม ลึกซึ้ง และมีควันไม้ที่อ่อนๆ พร้อมกับกลิ่นของผลไม้สีเข้มและกลิ่นของมอลต์
Johnnie Walker Blue Label
< ↑ Explore : Johnnie Walker Blue Label >
สัญลักษณ์ของ ความหรูหรา และ ความพิเศษ ซึ่งเป็นวิสกี้ที่ผสมผสานจาก วิสกี้สุดพิเศษ หลายๆ ตัว ซึ่งบางส่วนมีอายุเก่าแก่ถึง หลายสิบปี จากวิสกี้ 1,000 ถัง จะมีเพียงถังเดียวเท่านั้นที่จะโดดเด่นพอ เพื่อนำมา Blend เป็น Blue Label รสชาติมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน ผสมผสานทั้งความหวานของผลไม้แห้งและความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศ พร้อมกับกลิ่นควันไม้ที่หอมอ่อนๆ ทำให้วิสกี้นี้เหมาะสมสำหรับการดื่มในโอกาสพิเศษ หรือการเพลิดเพลินในยามพักผ่อน
คาแรคเตอร์: รสชาติที่หรูหรา กลมกล่อม พร้อมกลิ่นของผลไม้แห้งและควันไม้ที่เนียนละเอียด
Johnnie Walker & Son King George V
< ↑ Explore : Johnnie Walker & Son King George V >
วิสกี้ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญของ กษัตริย์จอร์จที่ 5 ของอังกฤษ และเป็นการผสมผสานวิสกี้จาก แหล่งผลิตชั้นดี ที่มีอายุยาวนานที่สุดของ Johnnie Walker การดื่ม King George V คือการสัมผัสความหรูหราและ เอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมีรสชาติ ซับซ้อนและกลมกล่อม เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศผลไม้สุก และกลิ่นควันไม้ที่โดดเด่น
คาแรคเตอร์: รสชาติหรูหราและซับซ้อน ลึกซึ้งด้วยกลิ่นเครื่องเทศและผลไม้แห้ง พร้อมควันไม้ที่ละเอียด
วิธีการดื่ม Johnnie Walker
การดื่ม Johnnie Walker มีหลายวิธีที่ช่วยเสริมรสชาติและประสบการณ์
1. Neat (ไม่ผสมน้ำ) : ดื่มวิสกี้แบบ Neat เพื่อสัมผัสรสชาติบริสุทธิ์ของ Johnnie Walker โดยเฉพาะ Blue Label ที่มีความลึกซับซ้อน
2. On the Rocks (ใส่น้ำแข็ง) : การดื่มกับน้ำแข็งช่วยให้รสชาติสดชื่น เหมาะกับ Black Label ที่มีความเข้มข้น
3. Cocktail : ผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น Whisky Sour หรือ Ginger Ale เหมาะกับ Red Label และ Black Label
4. Pairing กับอาหาร : จับคู่ Red Label กับสเต็กหรืออาหารย่าง, Black Label กับสเต็กที่มีรสชาติที่เข้มข้น หรือ Blue Label คู่น้ำตาลทรายและช็อกโกแลต หรืออาหารหวานอื่น ๆ
การดื่มวิสกี้แบบต่างๆ ทำให้ประสบการณ์การดื่ม Johnnie Walker เป็นเอกลักษณ์และสนุกสนานมากขึ้น!
Johnnie Walker เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นดื่มวิสกี้และผู้ที่เป็นนักดื่มระดับมืออาชีพ ด้วยการผสมผสานคุณภาพและรสชาติที่หลากหลาย ทำให้มันเป็นวิสกี้ที่ได้รับความนิยมในทุกมุมโลก ตั้งแต่บาร์สุดหรูไปจนถึงการดื่มที่บ้าน
ไม่ว่าจะเป็น Johnnie Walker Red, Black, Gold, หรือ Blue Label ทุกขวดของ Johnnie Walker ล้วนมีเอกลักษณ์และเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งทำให้มันเป็นวิสกี้ที่คุณไม่ควรพลาดในทุกโอกาส