อ่านฉลากสาเกให้เข้าใจ Junmai, Daiginjo ฯลฯ ต่างกันอย่างไร?
แค่เข้าใจคำศัพท์ ก็เลือกสาเกได้อย่างมั่นใจ
ถ้าคุณเคยยืนหน้าชั้นวางสาเก แล้วรู้สึกงงกับคำว่า Junmai, Ginjo หรือ Daiginjo บนฉลาก… คุณไม่ใช่คนเดียวแน่นอน! สาเกญี่ปุ่นนั้นมีระบบการจัดประเภทเฉพาะตัว ซึ่งสะท้อนทั้งกระบวนการผลิต ระดับความประณีต และ สไตล์รสชาติ ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เพียงเข้าใจคำไม่กี่คำบนฉลาก คุณก็สามารถ “เปิดโลกของสาเก” ได้ทันที
รู้จัก 2 ปัจจัยหลักที่กำหนดประเภทของสาเก
1. ระดับการขัดข้าว (Seimai Buai 精米歩合)
การขัดข้าวเพื่อเอาส่วนของเปลือกออกจะมีผลต่อรสชาติของสาเก โดยทั่วไปยิ่งขัดข้าวมากเท่าไร สาเกก็จะยิ่งมีรสชาติที่นุ่มนวลและละเอียดมากขึ้น เช่น Daiginjo และ Junmai Daiginjo จะขัดข้าวมากกว่า Junmai และ Honjozo ซึ่งมีการขัดข้าวน้อยกว่า ทำให้รสชาติจะออกเข้มข้นกว่าและมีความเป็นธรรมชาติ
2.ประเภทของข้าว (Shuzo Kotekimai 酒造米)
ชนิดของข้าวที่ใช้ในการผลิตสาเกก็ส่งผลต่อรสชาติ เช่น Yamada Nishiki ข้าวที่ใช้ในการทำ Daiginjo มักจะให้รสชาติที่หอมและละเอียด ส่วน Gohyaku Mangoku ข้าวที่ใช้ใน Junmai มักให้รสชาติที่เต็มเปี่ยมและหนักแน่น
3. การเติมแอลกอฮอล์ (Alcohol Addition)
การเติมแอลกอฮอล์ในสาเกจะส่งผลให้รสชาติและกลิ่นเปลี่ยนไป เช่น Junmai จะไม่เติมแอลกอฮอล์ในขณะที่ Honjozo และ Ginjo จะมีการเติมแอลกอฮอล์เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลและบางเบา
ทำไม "การขัดข้าว" สำคัญ?
การขัดข้าวส่งผลต่อสารประกอบที่เหลืออยู่ในเมล็ด โดยจะแบ่งออกเป็น
● ผิวเมล็ดมี โปรตีน ไขมัน ที่ทำให้กลิ่นรสแรง (บางครั้งเหม็นเขียว)
● แก่นเมล็ดส่วนในคือ แป้ง ที่ให้รสหวาน-นวล
ดังนั้นยิ่งขัดมาก → ยิ่งได้สาเกสะอาด กลิ่นละมุน → แต่ต้นทุนก็สูงขึ้น
คำศัพท์ที่คุณควรรู้เมื่ออ่านฉลากสาเก
< ↑ Explore : Masumi Junmai Kaya Brown >
"Junmai" แปลว่า “ข้าวบริสุทธิ์” ไม่มีการเติมแอลกอฮอล์ภายนอก มักใช้ข้าวที่ขัดเหลือ ≤ 70% แต่ปัจจุบันอาจขัดมากกว่านี้ได้ (เช่น Junmai Ginjo)
รสชาติ: หนักแน่น มีความเปรี้ยวเล็กน้อยจากกรดธรรมชาติ กลิ่นข้าวชัด
จับคู่กับ: ปลาย่าง, แกงญี่ปุ่น, ซุปมิโสะ
< ↑ Explore : Tedorigawa Shukon Ginjo >
ใช้ข้าวขัด ≤ 60% ผ่านการบ่มเย็น (low-temp fermentation) นานหลายสัปดาห์
หากเขียนว่า “Junmai Ginjo” = ไม่มีแอลกอฮอล์เติม
ถ้าเขียนแค่ “Ginjo” = มีแอลกอฮอล์เติมเพื่อเพิ่มกลิ่น
รสชาติ: หอมผลไม้ เช่น เมลอน แอปเปิ้ล ลูกแพร์
เหมาะกับ: จิบเล่นหรือจับคู่กับปลาดิบ ซูชิ
< ↑ Explore : Kamotsuru Tokusei Gold Daiginjo >
ข้าวถูกขัดจนเหลือไม่เกิน 50% (บางแบรนด์ขัดเหลือแค่ 23%!) ถือเป็นระดับสูงสุดของกลิ่นสะอาด ละเมียด กลมกล่อม
Junmai Daiginjo = บริสุทธิ์
Daiginjo = มีแอลกอฮอล์เติมเล็กน้อย
รสชาติ: หรูหรา ละเอียด เบาและกลิ่นหอมผลไม้ขาว
เหมาะกับ: โอกาสพิเศษ งาน fine dining หรือเป็นของขวัญ
< ↑ Explore : Yukinobousha Yamahai Honjozo >
ข้าวขัด ≤ 70% และเติมแอลกอฮอล์เล็กน้อย เน้นดื่มง่าย ดื่มอุ่นหรือเย็นก็ได้
รสชาติ: สะอาด เบา สดชื่น
เหมาะกับ: ดื่มร่วมกับอาหารหลายชนิดในมื้อทั่วไป
< ↑ Explore : Kinmon Akita Akitafuji Nigori Sake >
สาเกชนิดไม่กรองละเอียด จึงยังมีตะกอนข้าวอยู่ในขวด ให้ texture ที่นุ่มข้นและหวานเล็กน้อย
เหมาะกับ: ดื่มหลังอาหาร หรือแทนของหวาน
< ↑ Explore : Kinmon Akita Akitafuji Nigori Sake >
ใช้วิธี carbonated เหมือนแชมเปญ หรือบ่มให้เกิดฟองตามธรรมชาติ
เหมาะกับ: งานปาร์ตี้ อาหารเรียกน้ำย่อย หรือ pairing กับชีส
Tips มืออาชีพจาก LIQ9
● สาเกหอม ๆ ดื่มเย็น 5–10°C
● Junmai ดื่มอุ่นได้ (40–50°C) จะกลมขึ้น
● แก้วไวน์ tulip จะช่วยเก็บกลิ่นมากกว่าถ้วยสาเกชนิดแบน
เข้าใจฉลาก = เข้าใจวิญญาณของสาเก
เมื่อคุณรู้จักคำว่า “Junmai” หรือ “Daiginjo” คุณไม่ได้แค่รู้ประเภท…
แต่คุณกำลังเข้าใจว่า ช่างฝีมือญี่ปุ่นเลือกวิธีการผลิตอย่างไรเพื่อถ่ายทอดรสชาติจากข้าวสู่หัวใจของคุณ
และนั่นคือเสน่ห์ของสาเก — เครื่องดื่มที่เรียบง่ายแต่ซ่อนรายละเอียดไว้ทุกหยด