10 Recommend Spirits June 2025 Week 3
10 สินค้าแนะนำประจำสัปดาห์จาก LIQ9.asia
สัปดาห์นี้ LIQ9.asia ขอนำเสนอคอลเลกชันพิเศษที่คัดสรรจากทั่วโลก ตั้งแต่สก็อตวิสกี้คลาสสิกอย่าง The Balvenie DoubleWood 12 ปี และ Glenfiddich 12 ปี ไปจนถึงจินระดับพรีเมียมอย่าง Monkey 47 และ Tanqueray No. TEN และสำหรับผู้ที่ชอบอะไรที่แตกต่าง คุณจะได้พบกับ 818 Tequila Blanco ไอคอนใหม่ของเตกีลาสายพรีเมียมจากอเมริกา และ Luxardo Amaretto di Saschira เหล้าหวานสไตล์อิตาเลียนที่พร้อมเพิ่มความนุ่มละมุนให้ทุกแก้ว
ไม่ว่าคุณจะดื่มเพื่อเฉลิมฉลอง ค้นหารสชาติใหม่ๆ หรือเติมเต็มมุมโปรดบาร์ในบ้าน สัปดาห์นี้คือช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การลองเปิดประสบการณ์
1. The Balvenie DoubleWood 12 Years Old
The Balvenie คือหนึ่งในโรงกลั่นวิสกี้แห่งสก็อตแลนด์ที่ยังคงใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเพาะมอลต์ การอบแห้ง ไปจนถึงการใช้ช่างไม้และช่างทองแดงประจำโรงกลั่น โรงกลั่นแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1892 ที่เมือง Dufftown โดย William Grant และจนถึงปัจจุบันยังดำเนินกิจการโดยครอบครัวเดียวกัน
DoubleWood 12 Years เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 โดย David Stewart MBE มาสเตอร์เบลนเดอร์ผู้เปลี่ยนโลกวิสกี้ ด้วยแนวคิด “double maturation” — การบ่มในถังไม้โอ๊กสองชนิด เพื่อเพิ่มมิติแห่งกลิ่นและรสให้วิสกี้อย่างเหนือชั้น
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ บ่มเริ่มต้นในถัง American Oak เพื่อมอบกลิ่นวานิลลา หวานอ่อน และเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล ก่อนจะย้ายไปบ่มต่อในถัง European Sherry Oak ซึ่งเพิ่มกลิ่นผลไม้แห้ง เครื่องเทศ และความอบอุ่นอย่างมีเอกลักษณ์
✔ กลิ่นหอมของ น้ำผึ้ง วานิลลา อบเชย และ เชอร์รี่แห้ง สื่อถึงความละเมียดในทุกหยด
✔ รสสัมผัส นุ่ม ลื่นไหล และกลมกล่อม สมดุลระหว่างหวานอ่อน ๆ และโน้ตของไม้โอ๊ก
✔ เป็นหนึ่งในซิงเกิลมอลต์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งในด้านคุณภาพ รสชาติ และความคุ้มค่า
2. Glenfiddich 12 Years Old
Glenfiddich คือหนึ่งในแบรนด์ซิงเกิลมอลต์วิสกี้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก และเป็นผู้บุกเบิกแนวคิด "Single Malt" อย่างแท้จริง ก่อตั้งโดย William Grant ในปี 1887 ที่เมือง Dufftown สก็อตแลนด์ Glenfiddich ในภาษาเกลิกหมายถึง "หุบเขากวาง" ซึ่งกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์นับแต่นั้น
รุ่น 12 ปี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของใครหลายคนในการเข้าสู่โลกของซิงเกิลมอลต์ เพราะมีรสชาติที่เข้าถึงง่าย กลมกล่อม และเต็มไปด้วยรายละเอียดที่สมดุล — สะท้อนเอกลักษณ์ของ Glenfiddich อย่างแท้จริง
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมของ ลูกแพร์สุก แอปเปิลเขียว และกลิ่นดอกไม้สด ผสานด้วยโน้ตไม้โอ๊กอ่อนๆ
✔ บ่มในถัง American Bourbon Oak และ Spanish Sherry Oak เพื่อให้รสชาติกลมกล่อม หอมหวานแต่มีโครงสร้าง
✔ รสสัมผัส นุ่มนวล สดชื่น มีความฟรุตตี้ และจบด้วยสัมผัสอบอุ่นจากไม้
✔ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นโลกของซิงเกิลมอลต์ และยังเป็นของขวัญสุดพรีเมียมในกล่องดีไซน์หรู
3. 818 Tequila Blanco
818 Tequila คือแบรนด์เตกีล่าจากรัฐ Jalisco ประเทศเม็กซิโก ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกโดยมี Kendall Jenner เป็นผู้ก่อตั้งและร่วมพัฒนาเบลนด์อย่างใกล้ชิด โดยชื่อ “818” ได้แรงบันดาลใจจากรหัสโทรศัพท์บ้านเกิดของเธอในแคลิฟอร์เนีย
แม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ในวงการ แต่ 818 เลือกใช้กระบวนการแบบ คราฟต์ดั้งเดิม ทั้งการใช้ Agave Azul แท้ 100% จาก Los Valles การอบในเตาอิฐดินเหนียว และการกลั่นในหม้อทองแดงอย่างพิถีพิถัน ทำให้เตกีล่านี้ไม่ใช่แค่ “สวยแต่รูป” แต่ เต็มไปด้วยคุณภาพและรสชาติที่น่าทึ่ง
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมสดชื่นของ พืช Agave สด วานิลลา มะนาวเขียว และกลิ่นพริกไทยขาวบางๆ
✔ รสชาติ คลีน สดใส และสมดุล ดื่มง่าย ทั้งแบบช็อตหรือใช้เป็นเบสของค็อกเทลอย่าง Margarita หรือ Paloma
✔ ผลิตจาก Blue Weber Agave อายุเฉลี่ย 7 ปี ที่ถูกเก็บเกี่ยวด้วยมือและหมักแบบช้า
✔ ได้รับรางวัลเหรียญทองระดับนานาชาติ และเป็นหนึ่งในเตกีล่าที่มาแรงที่สุดของยุคนี้
4. Hakutsuru Karakuchi Jyosen
Hakutsuru (ฮะคุซึรุ) คือหนึ่งในผู้ผลิตสาเกที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ก่อตั้งในปี 1743 ณ เมือง นาดะ (Nada) จังหวัดเฮียวโกะ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการหมักบ่มสาเกคุณภาพ ด้วยแหล่งน้ำบริสุทธิ์ “Miyamizu” และข้าวสาเกสายพันธุ์ดีจากภูเขา Rokko
คำว่า "Jōsen" (上撰) หมายถึงการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นดีและการบ่มด้วยฝีมือขั้นสูง Karakuchi Jyosen จึงเป็นสาเกระดับพรีเมียมที่ได้รับความนิยมในร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมทั่วประเทศญี่ปุ่น และถูกเลือกใช้ในพิธีหรือโอกาสพิเศษมานานหลายรุ่น
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมแบบสะอาด โปร่งใส มีกลิ่นของ ข้าวญี่ปุ่นสดใหม่ และโทนผลไม้ขาวบาง ๆ
✔ รสชาติ ดรายแบบญี่ปุ่นแท้ (Karakuchi) สดใส คลีน และเข้ากับอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะปลาดิบ เทมปุระ และยากิโทริ
✔ ดื่มได้ทั้งแบบ เย็น อุ่น หรืออุณหภูมิห้อง ทำให้เหมาะกับหลายโอกาสและฤดูกาล
✔ ขนาดขวด 1.8 ลิตร แบบดั้งเดิม คุ้มค่าสำหรับสายดื่มจริงจัง หรือใช้ในร้านอาหารและงานเฉลิมฉลอง
5. Balblair 12 Year
Balblair คือหนึ่งในโรงกลั่นวิสกี้ที่เก่าแก่ที่สุดของสก็อตแลนด์ ก่อตั้งในปี 1790 ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน Edderton ใกล้กับชายฝั่ง Dornoch Firth ทางตอนเหนือของ Highland ด้วยภูมิประเทศที่สงบ อากาศเย็นชื้น และแหล่งน้ำบริสุทธิ์ Balblair จึงถูกขนานนามว่าเป็น “whisky of place” — วิสกี้ที่บ่มด้วยวิถีชีวิตและธรรมชาติรอบตัวอย่างแท้จริง
รุ่น 12 ปี เป็นการเปิดบทใหม่ของแบรนด์ ที่หันมาเน้น “age-statement” อย่างชัดเจน พร้อมการปรับดีไซน์ขวดให้เรียบ หรู และร่วมสมัย ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาเสน่ห์ความละเมียดละไมแบบคลาสสิกเอาไว้ครบถ้วน
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมสดใสของ แอปเปิลอบ ส้มคาราเมล กลิ่นวนิลา และสัมผัสของขิงอ่อน ๆ
✔ บ่มในถัง American Oak ex-bourbon และปิดท้ายด้วย Double-fired American Oak เพื่อให้ได้รสชาติที่นุ่มนวล หวานอ่อน และกลมกล่อม
✔ รสสัมผัส สมูทแบบมีชั้นเชิง – ดื่มง่ายแต่ไม่จืดชืด เหมาะทั้งมือใหม่และนักสะสม
✔ เป็นซิงเกิลมอลต์ที่แสดงตัวตนของ Highland ได้อย่างชัดเจนในราคาเข้าถึงง่าย
6. Black Bottle Classic Brandy
Black Bottle คือแบรนด์บรั่นดีที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ศิลปะการกลั่นไวน์แบบฝรั่งเศส ผสมผสานกับความเรียบง่ายแบบอังกฤษ ด้วยเป้าหมายคือการสร้างบรั่นดีคุณภาพดีในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยเลือกใช้วัตถุดิบจากองุ่นสายพันธุ์ไวน์ในภูมิภาคยุโรป และผ่านกระบวนการกลั่นที่พิถีพิถันแบบดั้งเดิม
แม้จะไม่ใช่แบรนด์หรูระดับคราฟต์ แต่ Black Bottle มีชื่อเสียงยาวนานในกลุ่มคนรักบรั่นดีที่ชอบความ “กลมกล่อมแบบสบายกระเป๋า” และมักถูกใช้เป็นเบสหลักในค็อกเทลคลาสสิก เช่น Sidecar, Brandy Alexander หรือจะจิบเพียว ๆ ก็ไม่ผิดกติกา
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมของ องุ่นแห้ง คาราเมล วานิลลา และไม้โอ๊ก แบบนุ่มๆ
✔ รสสัมผัส นวล เบา ไม่หวานเกินไป ดื่มง่าย เหมาะกับทุกโอกาส
✔ ดื่มได้ทั้งแบบ on the rocks, ผสมโซดา หรือค็อกเทล
✔ เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในกลุ่มบรั่นดีระดับเริ่มต้น เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำความรู้จักกับโลกของ Brandy
7. Monkey 47 Dry Gin
Monkey 47 ถือกำเนิดขึ้นในแคว้น Black Forest ของเยอรมนี โดยได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของ Montgomery Collins — อดีตนักบินกองทัพอากาศอังกฤษที่ย้ายมาใช้ชีวิตในเยอรมันหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาหลงใหลในธรรมชาติ ปลูกสมุนไพรเอง และได้คิดค้นจินสูตรเฉพาะที่มีส่วนผสมจากพืชพรรณในป่าดำแห่งนี้
สูตรที่เขาคิดค้นไว้กว่า 50 ปี ถูกค้นพบในเอกสารเก่าและได้รับการรังสรรค์ใหม่ในศตวรรษที่ 21 ภายใต้ชื่อ Monkey 47 (หมายถึงใช้สมุนไพร 47 ชนิดในการกลั่น) กลายเป็น craft gin ระดับตำนาน ที่ผสมผสานความดั้งเดิม ความซับซ้อน และเอกลักษณ์แบบเยอรมันได้อย่างไร้ที่ติ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ ใช้ สมุนไพรและดอกไม้ป่ากว่า 47 ชนิด เช่น elderflower, angelica root, lingonberry และ lavender ซึ่งให้กลิ่นอโรม่าที่ซับซ้อนและไม่เหมือนใคร
✔ จินแบบ Dry Style ที่ยังมีกลิ่นฟรุตตี้บาง ๆ พร้อมโทนเปรี้ยวสดและดินเผาเบา ๆ
✔ รสชาติ เนียน ลึก และเปี่ยมด้วยชั้นเชิง – ดื่มได้ทั้งแบบจิบเดี่ยว หรือใช้ใน Gin & Tonic ระดับพรีเมียม
✔ ขวดดีไซน์คลาสสิก สไตล์ขวดยาโบราณ พร้อมฉลากลายลิงที่กลายเป็นไอคอนของสายคราฟต์จิน
8. Tanqueray No. TEN Distilled Gin
Tanqueray No. TEN คือ “รุ่นเรือธง” ของแบรนด์ Tanqueray หนึ่งในผู้ผลิตจินที่มีประวัติยาวนานจากลอนดอน ก่อตั้งในปี 1830 โดย Charles Tanqueray ซึ่งเป็นนักสร้างสรรค์สูตรจินที่กล้าท้าทายกรอบเดิม ๆ ของยุคนั้น
No. TEN เปิดตัวครั้งแรกในปี 2000 และตั้งชื่อตาม หม้อกลั่นลำดับที่สิบ (Tiny Ten Still) ที่ใช้กลั่นแบบ small batch โดยเฉพาะ สิ่งที่ทำให้ No. TEN แตกต่างจากจินทั่วไปคือการ ใช้ผลไม้สดจริง ๆ อย่างส้ม เกรปฟรุต และมะนาว ร่วมกับสมุนไพรคลาสสิกอย่าง juniper และ coriander ทำให้กลิ่นและรสชาติของมัน หอมสด ใส และหรูหรา เหมาะสำหรับการสร้างค็อกเทลระดับบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมซิตรัส จากผลไม้สดแท้ – เกรปฟรุตเขียว ส้ม และมะนาว ผสานกลิ่นสมุนไพรคลาสสิก
✔ รสชาติ สดชื่น ซับซ้อน และบาลานซ์อย่างมีศิลปะ – ดื่มได้ทั้งแบบจิบ หรือเป็นเบสของ Martini, Gin Tonic หรือ Negroni
✔ เป็น จินพรีเมียมตัวแรก ที่ใช้วัตถุดิบสด (Fresh Citrus) แทนสารแต่งกลิ่น
✔ ได้รับการยกย่องจากบาร์เทนเดอร์ทั่วโลกว่าเป็น “Gin ที่ดีที่สุดสำหรับการทำ Martini”
9. Plantation Original Dark Rum
Plantation Rum คือแบรนด์รัมระดับโลกที่สร้างโดย Maison Ferrand – โรงกลั่นชื่อดังจากฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงด้านคอนญัก Alexandre Gabriel ผู้ก่อตั้ง ได้นำเอาความรู้ด้านการบ่มวิญญาณฝรั่งเศสไปผสมผสานกับรัมจากเขตร้อนของแคริบเบียน จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า "Double Aging" – การบ่มสองครั้งบนสองทวีป
รุ่น Original Dark นี้คือรัมเบลนด์จาก Jamaica และ Barbados ที่หมักบ่มในถังไม้โอ๊กอเมริกันในแคริบเบียน ก่อนจะนำกลับมาบ่มซ้ำในถังคอนญักฝรั่งเศสที่ Château de Bonbonnet ทำให้ได้รัมสีเข้มที่มีทั้งพลังของผลไม้และความละเมียดละไมแบบยุโรป
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมของ กล้วยแห้ง คาราเมลไหม้ ลูกพรุน วานิลลา และกาแฟ ผสานกลิ่นไม้และเครื่องเทศ
✔ รสชาติ เข้มข้นแต่สมูท – โทนกล้วยสุก ผงโกโก้ และน้ำตาลทรายแดง บาลานซ์ด้วย finish ที่อบอุ่น
✔ ผ่านการ บ่มแบบ Double Aging – ในถัง American Bourbon และ Ferrand Cognac Cask
✔ เหมาะสำหรับทั้งการจิบเปล่า (neat), ผสมกับน้ำแข็ง หรือใช้เป็นเบสใน Rum Old Fashioned หรือ Dark & Stormy
10. Luxardo Amaretto di Saschira
Luxardo คือแบรนด์ลิเคียวระดับตำนานของอิตาลี ก่อตั้งขึ้นในปี 1821 โดย Girolamo Luxardo ในเมือง Zara (ปัจจุบันคือโครเอเชีย) ก่อนจะย้ายฐานการผลิตมาที่เมือง Torreglia ประเทศอิตาลี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
รุ่น Amaretto di Saschira เปิดตัวในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 โดยใช้สูตรครอบครัวที่สืบทอดมาหลายรุ่น โดดเด่นด้วยการใช้ น้ำมันจากเมล็ดแอปริคอต (Apricot Kernel Oil) แทนอัลมอนด์แบบธรรมดา ทำให้ได้กลิ่นหอมที่นุ่มลึกและซับซ้อนกว่า ขณะเดียวกันก็ยังรักษาความคลาสสิกของ Amaretto (อมาเร็ตโต้) เหล้าหวานที่เป็นหัวใจของวัฒนธรรมการดื่มแบบอิตาเลียน
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอม หวานนุ่มของอัลมอนด์ มาร์ซิแพน น้ำตาลไหม้ และดอกไม้ขาว
✔ รสชาติ ละมุน หวานนวล ไม่เหนียวหนึบ มี texture ที่หรูหราและ sophisticated
✔ เหมาะสำหรับการดื่มแบบ on the rocks, ผสมกับกาแฟ, หรือใช้ในค็อกเทลคลาสสิกอย่าง Amaretto Sour หรือ Godfather
✔ ผลิตในอิตาลีโดย Luxardo – หนึ่งในตระกูลผู้บุกเบิกลิเคียวแบบดั้งเดิมที่ยังคงดำเนินกิจการโดยรุ่นที่ 6