10 Recommend Spirits July 2025 Week 2

7 กรกฎาคม 2025
Posted in: Recommended Liquors
More from this author
By MR.LIQ9

10 สินค้าแนะนำประจำสัปดาห์จาก LIQ9.asia

สัปดาห์นี้ LIQ9.asia คัดสรร 10 ไอเท็มเด็ดที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนรักเหล้า เหล้าญี่ปุ่น ค็อกเทล หรือสายพรีเมียมสายคราฟต์ ทั้ง วิสกี้อเมริกันสุดคลาสสิกอย่าง Jim Beam White Label และ Jack Daniel's Old No.7 ไปจนถึง Vodka สุดหรูจากโปแลนด์และรัสเซียอย่าง Belvedere และ Stolichnaya Premium ที่จะทำให้บาร์ที่บ้านของคุณโดดเด่น


1. Jim Beam White Label Straight Bourbon Whiskey

หากพูดถึง “เบอร์เบิน” ที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์อเมริกันมาอย่างยาวนาน ชื่อของ Jim Beam คือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ทรงพลังที่สุด

Jim Beam ก่อตั้งขึ้นในปี 1795 โดย Jacob Beam ที่รัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา ผ่านสงคราม ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และแม้กระทั่ง Prohibition (ยุคห้ามผลิตแอลกอฮอล์) Jim Beam ยังคงยืนหยัดอยู่เสมอ ปัจจุบันดำเนินงานโดยคนในตระกูลรุ่นที่ 7 สืบทอดสูตรและจิตวิญญาณเบอร์เบินแบบดั้งเดิมไว้อย่างมั่นคง

“White Label” คือตัวหลักของแบรนด์ – เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่เปี่ยมด้วยรากเหง้าและความน่าเชื่อถือในฐานะ เบอร์เบินสไตล์คลาสสิกของอเมริกันแท้ ๆ ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

คาแรกเตอร์เด่น:

บ่มอย่างน้อย 4 ปี ในถังไม้โอ๊กใหม่แบบ charred (เผาด้านใน) ตามกฎของเบอร์เบินแท้ ให้กลิ่นวานิลลาและคาราเมลที่ลงตัว

รสชาติกลมกล่อม ดื่มง่าย – โน้ตของข้าวโพดหวาน วานิลลา อัลมอนด์ และเครื่องเทศจาง ๆ ที่ติดปลายลิ้น

สไตล์เบอร์เบินแบบคลาสสิก – เหมาะทั้งดื่มเพียว ผสมค็อกเทล หรือจะ on the rocks ก็ยังให้ความหอมละมุนไม่เปลี่ยน

2. Jack Daniel's Old No.7

ถ้าพูดถึง American Whiskey ที่ทั้ง “คลาสสิก” และ “คูล” ที่สุดในโลก Jack Daniel’s คือชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง

ต้นกำเนิดของ Jack Daniel’s เริ่มขึ้นในปี 1866 ที่เมือง Lynchburg รัฐ Tennessee โดย Jasper Newton “Jack” Daniel ชายหนุ่มที่หลงใหลในศิลปะการกลั่นวิสกี้ เขาสร้างโรงกลั่นที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา และพัฒนาเทคนิคเฉพาะตัวที่กลายเป็นหัวใจของ Jack Daniel’s มาจนถึงปัจจุบัน

“Old No.7” กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ และยังเป็นสูตรเดียวที่สืบทอดมากว่า 150 ปี โดยยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าหมายถึงอะไร — แต่นั่นแหละคือเสน่ห์และความลึกลับของมัน

คาแรกเตอร์เด่น:

Charcoal Mellowed (Lincoln County Process)
Jack Daniel’s ผ่านการกรองผ่านถ่านเมเปิ้ล 10 ฟุตก่อนบรรจุถัง ทำให้ได้วิสกี้ที่นุ่ม ละมุน และไม่มีรสแอลกอฮอล์บาดคอ

บ่มในถังโอ๊กอเมริกันใหม่ (New American Oak)
ให้โน้ตกลิ่นวานิลลา คาราเมล และถ่านไม้ชัดเจน พร้อมสัมผัสของกลิ่นหนัง ใบยาสูบ และเครื่องเทศจาง ๆ

รสชาติสไตล์ Tennessee Whiskey อันเป็นเอกลักษณ์
แตกต่างจากเบอร์เบินทั่วไป — Old No.7 มีความกลมกล่อม เคลือบลิ้น และจบยาวแบบสะอาด

3. Belvedere Vodka

Belvedere (เบลเวเดียร์) ไม่ได้เป็นเพียงชื่อของวอดก้า แต่เป็นตัวแทนของ “วอดก้าชั้นสูงที่มีรากเหง้าลึก” จากโปแลนด์ — ประเทศที่มีประวัติศาสตร์การกลั่นวอดก้ามายาวนานกว่า 600 ปี

คำว่า “Belvedere” แปลว่า “บ้านที่มองเห็นวิวอันงดงาม” โดยได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชวัง Belweder ในกรุงวอร์ซอ ซึ่งเป็นภาพบนขวดสวยคลาสสิกของแบรนด์นี้

ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 Belvedere คือวอดก้าระดับ Super Premium แบรนด์แรกของโลกที่ยกระดับวอดก้าจากเครื่องดื่มทั่วไปขึ้นสู่ศิลปะแห่งรสนิยม ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในแวดวง mixology และ fine dining ทั่วโลก

คาแรกเตอร์เด่น:

ผลิตจาก Dankowskie Rye 100%
ใช้ข้าวไรย์พันธุ์พิเศษจากแหล่งเดียวในโปแลนด์ ให้รสชาติลุ่มลึก มีโครงสร้าง และให้ความรู้สึกหรูหราเหนือกว่าวอดก้าธัญพืชทั่วไป

กลั่น 4 ครั้ง เพื่อความบริสุทธิ์สูงสุดโดยไม่สูญเสียรสชาติ
ไม่ได้กลั่นจนไร้คาแรกเตอร์เหมือนหลายแบรนด์ แต่คงไว้ซึ่งกลิ่นอ่อนของขนมปังสด วานิลลา และพริกไทยขาว

ไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารปรุงแต่ง (No Additives)
เป็นวอดก้าธรรมชาติ 100% – ให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์ ทั้งกลิ่นและรส

4. Stolichnaya Premium Vodka

Stolichnaya (สโตลิชนายา) หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า "Stoli" คือหนึ่งในวอดก้าที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดจากสหภาพโซเวียตช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยชื่อ “Stolichnaya” หมายถึง “เมืองหลวง” ซึ่งตั้งใจสื่อถึง Moscow เมืองศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมและความหรูหราของรัสเซีย

แม้ภูมิหลังจะซับซ้อนและผ่านความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์หลายครั้ง แต่ Stoli ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของ “วอดก้าคลาสสิกสไตล์รัสเซียแท้” ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ทั้งในหมู่คอวอดก้าและบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ด้วยความสมดุลที่ลงตัวระหว่างความสะอาด กลิ่นเฉพาะตัว และรสนิยมที่ยืนยง

ปัจจุบัน Stoli ได้ปรับโฉมเป็น “Stoli Premium” พร้อมฉลากใหม่ที่เรียบหรู และยืนยันถึงความตั้งใจในการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของแบรนด์ โดยยังคงรักษารากเหง้าแบบดั้งเดิมไว้ครบถ้วน

คาแรกเตอร์เด่น:

ผลิตจากข้าวสาลีและข้าวไรย์คุณภาพสูงในลัตเวีย
ผสานพลังของวัตถุดิบจากดินแดนบอลติกและการกลั่นแบบรัสเซียดั้งเดิม เพื่อให้ได้วอดก้าที่นุ่มลึกและมีกลิ่นเฉพาะตัว

กลั่น 3 ครั้ง + กรองผ่านควอตซ์และถ่านไม้เบิร์ช
เพิ่มความบริสุทธิ์แบบ crystal-clear โดยไม่กลบกลิ่นธรรมชาติของธัญพืช

รสสัมผัสสมดุลระหว่าง “สะอาด” กับ “มีคาแรกเตอร์”
มีกลิ่นบาง ๆ ของขนมปังอบ อัลมอนด์ และพริกไทยขาว ปิดท้ายด้วยความเรียบลื่นที่ดื่มง่าย

5. Mayalen Wild Cupreate

Mayalen (มาเยเลน) ไม่ใช่แค่ชื่อแบรนด์เมซคาล แต่คือสัญลักษณ์ของการผลิตเหล้าหายากจาก “หัวใจของป่าเม็กซิโก” โดยเฉพาะภูเขาสูงในรัฐ Guerrero ที่เต็มไปด้วยสายพันธุ์อะกาเวดั้งเดิมซึ่งเติบโตตามธรรมชาติ

Mayalen Wild Cupreata ผลิตจากอะกาเวป่า "Cupreata" ซึ่งใช้เวลานานถึง 8–15 ปีในการเติบโต — ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี และเก็บเกี่ยวแบบดั้งเดิมด้วยมือ โดยชาวบ้านในพื้นที่ที่สืบทอดภูมิปัญญานี้มาหลายรุ่น นี่คือหนึ่งในเมซคาลสาย “Artisanal” ที่แท้จริงที่สุด

ชื่อ "Wild Cupreata" บ่งบอกถึงทั้ง “ความป่า” และ “พลังดิบ” ของรสชาติที่ไม่เหมือนใคร — พร้อมบรรจุลงขวดในดีไซน์เรียบเท่ แบบที่สายดื่มสไตล์ Craft จะต้องหลงรัก

คาแรกเตอร์เด่น:

ผลิตจากอะกาเวป่า 100% (Cupreata Agave)
ใช้เฉพาะอะกาเวที่เติบโตอย่างอิสระในธรรมชาติ ช่วยให้ได้รสชาติที่ซับซ้อน และแสดงออกถึง terroir ของป่าภูเขาใน Guerrero ได้ชัดเจน

กลิ่นควันแบบอบอุ่น และโน้ตสมุนไพรป่า
สัมผัสกลิ่นควันจากการอบใต้ดินผสมกับโน้ตของพืชป่า ใบกระวาน พริกไทยดำ และกลิ่นดินเปียก — ให้รสชาติแบบ Earthy & Wild ที่แตกต่างจากเมซคาลสายตลาดทั่วไป

กลั่นด้วยมือโดย Mezcaleros ท้องถิ่น
ทุกขวดผลิตแบบ Artisanal จากกระบวนการดั้งเดิม — ไม่มีโรงงาน ไม่มีสูตรสำเร็จ มีแต่ “จิตวิญญาณของผู้ผลิต” และธรรมชาติ

6. BORN Gold Junmai-Daiginjo

สาเก BORN (โบร์น) คือสัญลักษณ์ของศิลปะการหมักสาเกระดับสูงสุดจากโรงกลั่น Katoukichibee Shouten ที่มีอายุยาวนานกว่า 150 ปีในจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ทางตอนกลางของญี่ปุ่น

BORN Gold เป็น Junmai Daiginjo ระดับเรือธงที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย และยังถูกคัดเลือกเสิร์ฟในงานเลี้ยงรับรองของรัฐบาลญี่ปุ่น ตอกย้ำสถานะของมันว่าเป็น “สาเกสำหรับโอกาสพิเศษ”

ด้วยการขัดเมล็ดข้าวเหลือเพียง 38% และใช้ข้าว Gohyakumangoku ชั้นดีที่ปลูกในญี่ปุ่น ผสานกับน้ำแร่บริสุทธิ์จากภูเขาฮากุซัง (Mt. Hakusan) — BORN Gold ถูกบ่มเย็นอย่างยาวนานในอุณหภูมิต่ำเพื่อพัฒนาโครงสร้างรสชาติให้ละเมียดอย่างเป็นธรรมชาติ

คาแรกเตอร์เด่น:

Junmai Daiginjo ระดับพรีเมียม ขัดเมล็ดข้าวเหลือเพียง 38%
ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ละเอียด และบริสุทธิ์อย่างเหนือระดับ — เป็นงานฝีมือที่ต้องใช้เวลานานและความชำนาญสูง

โปรไฟล์รสชาติ: ละมุน หอมผลไม้ ซับซ้อนแบบสง่างาม
กลิ่นหอมของลูกแพร์ เมลอน กล้วย และดอกไม้ขาว ผสมกับรสสัมผัสที่กลมกล่อม แฝงความหวานเบา ๆ แต่ยังสดชื่นปลายลิ้น

ผ่านการ aging แบบ low-temperature maturation
บ่มในอุณหภูมิต่ำยาวนานกว่า 1 ปี เพื่อพัฒนารสชาติให้ซับซ้อน และช่วยให้เนื้อสัมผัสนุ่มแน่น

7. Suntory Prucia Plum Liquer de France

Suntory Prucia (ซันโทรี่ พรุเซีย) คือการผสมผสานระหว่างศาสตร์ของการหมักผลไม้แบบฝรั่งเศส กับความประณีตแบบญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Suntory หนึ่งในแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั้นนำของญี่ปุ่น

Prucia ผลิตจากพลัมพันธุ์ Ente ที่เก็บเกี่ยวอย่างพิถีพิถันในแคว้น Languedoc ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส — ซึ่งเป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อว่าให้พลัมคุณภาพดีที่สุดในยุโรป
หลังจากนำผลพลัมไปแช่ในบรั่นดีฝรั่งเศสที่กลั่นแบบละเอียด กลิ่นและรสชาติของผลไม้จะถูกดึงออกมาอย่างละเมียด ก่อนผ่านกระบวนการ aging เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีความซับซ้อน หอมหวาน และสดชื่นในเวลาเดียวกัน

คาแรกเตอร์เด่น:

ใช้พลัมฝรั่งเศสแท้พันธุ์ Ente จาก Languedoc
กลิ่นหอมหวานธรรมชาติของลูกพลัมสุก ผสมความเปรี้ยวสดเล็กน้อย ให้โปรไฟล์กลิ่นที่ซับซ้อน หอมลึกไม่ซ้ำใคร

แช่ในบรั่นดีคุณภาพสูง กลั่นแบบฝรั่งเศส
ช่วยดึงกลิ่นหอมจากผลไม้ให้ชัด และเพิ่มมิติความหรูหรา พร้อมกลิ่นวานิลลาอ่อน ๆ จากการ aging

สไตล์ญี่ปุ่นในขวดฝรั่งเศส
แม้จะเป็นลิเคียวร์จากฝรั่งเศส แต่ Prucia ถ่ายทอดความ “ละเมียดแบบญี่ปุ่น” ในเรื่องสมดุลของรสชาติ: ไม่หวานจนเลี่ยน ไม่เปรี้ยวจนบาด ให้ความรู้สึกเรียบหรูและสดชื่น

8. Strega Limoncello

Strega (สเตรเกา) คือชื่อที่อยู่คู่กับวงการลิเคียวร์อิตาลีมายาวนานนับศตวรรษ โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1860 ในเมือง Benevento ทางตอนใต้ของอิตาลี — ที่ซึ่งผสานมนตร์ขลังของสมุนไพรกับศิลปะการทำลิเคียวร์ดั้งเดิมได้อย่างลงตัว

ในฐานะผู้ผลิต liquore leggendario (ลิเคียวร์ในตำนาน) Strega ขยายสูตรไปสู่ลิเคียวร์ผลไม้ และไฮไลต์สำคัญก็คือ Strega Limoncello ที่ใช้องุ่นเลมอนคุณภาพสูงจากแถบอ่าวนาโปลีและชายฝั่งอมาลฟี — ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งที่ให้เลมอนหอมหวานที่สุดในอิตาลี

ด้วยสูตรลับที่ส่งต่อมานานกว่า 160 ปี ทำให้ Strega Limoncello ไม่ใช่แค่ลิเคียวร์เลมอนทั่วไป แต่คือ “รสชาติแห่งฤดูร้อนแบบอิตาเลียนแท้ ๆ” ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นและเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล

คาแรกเตอร์เด่น:

ใช้เปลือกเลมอนสดจาก Amalfi & Sorrento
กลิ่นหอมสดชื่นจากเลมอนแท้สายพันธุ์พิเศษ ให้โทน citrus ที่เด่นชัด แต่ไม่เปรี้ยวจัด

รสชาติบาลานซ์ หวานนิด ๆ สดชื่นแบบซิตรัส
ไม่หวานเลี่ยนเหมือนลิเคียวร์เลมอนทั่วไป แต่ให้ความสมดุลระหว่างน้ำตาลธรรมชาติจากผลไม้ กับกรดซิตรัสที่กระตุ้นความสดชื่น

เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม เย็นสดชื่นเมื่อเสิร์ฟแช่เย็น
เหมาะทั้งสำหรับจิบหลังมื้ออาหาร (digestif), ผสมในค็อกเทล หรือราดบนของหวานแบบอิตาเลียน

9. Disaronno Originale Amaretto

Disaronno (ดิซาโรโน่) คือหนึ่งใน amaretto (ลิเคียวร์อัลมอนด์สไตล์อิตาลี) ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และยังเป็น “ลิเคียวร์ระดับตำนาน” ที่มีประวัติยาวนานกว่า 500 ปี จุดเริ่มต้นของ Disaronno ย้อนกลับไปถึงยุคเรอเนสซองส์ในเมือง Saronno ทางตอนเหนือของอิตาลี

ตำนานเล่าว่าในปี 1525 ศิลปินชาวฟลอเรนซ์ผู้วาดภาพ Madonna ของโบสถ์ในเมือง Saronno ได้รับน้ำใจจากหญิงสาวปริศนา ที่มอบลิเคียวร์สูตรทำมือให้เขาดื่ม — และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “สูตรลับ” ที่ต่อมาได้รับการถ่ายทอดมาหลายรุ่น จนกลายเป็น Disaronno ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

ความพิเศษอยู่ที่สูตรนี้ไม่ใช่การใช้อัลมอนด์จริง แต่เป็นการสกัดจากเมล็ดแอปริคอต ทำให้ได้กลิ่นอัลมอนด์หวานที่หอมซับซ้อน ไม่เลี่ยน พร้อมความหรูหราที่ซ่อนอยู่ในขวดเหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ระดับโลก

คาแรกเตอร์เด่น:

กลิ่นอัลมอนด์หอมหวานแบบไม่เลี่ยน
มีกลิ่นเฉพาะตัวของ amaretto ที่โด่งดังไปทั่วโลก ให้กลิ่นวานิลลา น้ำตาลไหม้ และอัลมอนด์ที่มาจากเมล็ดแอปริคอต ไม่ใช่อัลมอนด์จริง

รสชาติกลมกล่อม ดื่มง่าย
รสชาติเข้มข้นแต่ไม่ขม เหมาะทั้งการจิบเพียว ๆ, ผสมกับกาแฟ, หรือใช้เป็นเบสในค็อกเทลเช่น Amaretto Sour

เหมาะกับสายของหวานและค็อกเทล
ใช้ราดของหวาน (เช่น ไอศกรีม วานิลลาพุดดิ้ง) หรือผสมในเครื่องดื่มที่ต้องการกลิ่นถั่วหอมหวานแบบอบอุ่น

10. Tanqueray Flor de Sevilla

Tanqueray (แทงเคอเรย์) คือหนึ่งในแบรนด์จินระดับพรีเมียมจากอังกฤษที่ครองใจนักดื่มทั่วโลก ด้วยประวัติยาวนานกว่า 190 ปี และความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์สูตรจินสุดคลาสสิก แต่ในปี 2018 Tanqueray ได้เปิดตัวสูตรใหม่สุดพิเศษ — Tanqueray Flor de Sevilla เพื่อเฉลิมฉลองรสชาติแห่งแคว้น Andalusia

จินสูตรนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “เปลือกส้มเซวิลล์” (Seville Orange) ซึ่งเป็นส้มพื้นถิ่นที่มีรสเปรี้ยวอมขมอ่อน ๆ แตกต่างจากส้มทั่วไป โดย Charles Tanqueray เคยเดินทางไปแคว้นนี้ในศตวรรษที่ 19 เพื่อศึกษาสมุนไพรและวัตถุดิบหายาก และบันทึกสูตรดั้งเดิมไว้จนกลายเป็นแรงบันดาลใจในวันนี้

Flor de Sevilla คือจินที่ผสมผสานความสดชื่นของส้มเข้ากับโครงสร้างแบบ London Dry อันเป็นซิกเนเจอร์ของ Tanqueray อย่างกลมกล่อม และเต็มไปด้วยแสงแดดแห่งสเปนในทุกหยด

คาแรกเตอร์เด่น:

กลิ่นหอมส้มเซวิลล์ – สดใสแบบมีสไตล์
กลิ่นเด่นของเปลือกส้มเซวิลล์แห้งและสมุนไพรอ่อน ๆ ชวนให้นึกถึงบ่ายแดดอุ่นในสวนส้มของสเปน

จินรสชาติละมุน หอมหวานนิด ๆ แบบบาลานซ์
ดื่มง่ายกว่า London Dry ปกติ เหมาะทั้งจิบเพียว ผสมกับโทนิก หรือทำค็อกเทลอย่าง Sevilla Spritz

สไตล์ “Mediterranean Gin” ที่ไม่เหมือนใคร
ดื่มแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น หอมแบบซับซ้อน เหมาะกับอากาศร้อนและบรรยากาศพักผ่อน