10 Recommend Spirits July 2025 Week 1
10 สินค้าแนะนำประจำสัปดาห์จาก LIQ9.asia
สัปดาห์นี้ LIQ9.asia คัดสรร 10 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นจินญี่ปุ่นสายคราฟต์ รัมกลิ่นกาแฟที่ดื่มง่าย วิสกี้จากเกาะ Islay อันเลื่องชื่อ หรือแม้แต่ Calvados จากไอร์แลนด์ที่กำลังมาแรง เราพบว่าหลายคนกำลังมองหาสินค้าที่ "ดื่มง่ายแต่ไม่ธรรมดา" เหมาะทั้งดื่มเองและเป็นของขวัญให้คนพิเศษ ไปรู้จักแต่ละขวดให้มากขึ้นกันเลย
1. Suntory Roku Japanese Craft Gin
Suntory Roku Gin (ซันโทรี่ รกุ จิน) คือจินคราฟต์สัญชาติญี่ปุ่นจากบริษัท Suntory หนึ่งในผู้ผลิตเครื่องดื่มเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ผู้เป็นเจ้าของตำนานวิสกี้อย่าง Yamazaki และ Hibiki ด้วยประสบการณ์มากกว่าร้อยปีในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ผสมผสานระหว่างศิลปะญี่ปุ่นดั้งเดิมและนวัตกรรมการกลั่นระดับโลก Roku ซึ่งแปลว่า "หก" ในภาษาญี่ปุ่น ได้รับการตั้งชื่อตาม วัตถุดิบ 6 ชนิดจากฤดูกาลของญี่ปุ่น ซึ่งถูกเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อสะท้อนความงามของธรรมชาติญี่ปุ่นในแต่ละช่วงปี
ทุกขวดกลั่นใน Osaka โดยทีมมาสเตอร์กลั่นที่เปี่ยมประสบการณ์ และได้รับการออกแบบอย่างงดงามด้วยขวดหกเหลี่ยมและลวดลายดอกไม้ที่สื่อถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ วัตถุดิบหายากจากฤดูกาลญี่ปุ่น
ประกอบด้วย ซากุระ (ดอกและใบ), เซนฉะ (ชาเขียว), ยามาโซ (พริกไทยญี่ปุ่น) และ ส้มยูสุ – วัตถุดิบ 6 ชนิดนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของญี่ปุ่น ที่เพิ่มความซับซ้อนและบาลานซ์อย่างนุ่มลึก
✔ กลิ่นหอมสดชื่นและซับซ้อน
เปิดด้วยโน้ตฟลอรัลอ่อน ๆ ของดอกซากุระ ผสานกับกลิ่นส้มยูสุและเปลือกส้มแบบญี่ปุ่น ก่อนจะเผยกลิ่นใบชาและเครื่องเทศแห้งที่ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาบนปลายจมูก
✔ ดื่มง่าย ทั้งแบบ Gin & Tonic หรือจิบเปล่า
เป็นจินที่เหมาะทั้งมือใหม่และนักดื่มสาย craft เพราะมีกลิ่นหอมและความสมดุลที่กลมกล่อม จะดื่มแบบ Gin Tonic ใส่เปลือกส้มยูสุเพิ่มก็ยิ่งกลม หรือจะใช้เป็นเบสในค็อกเทลญี่ปุ่นสมัยใหม่ก็เลิศไม่แพ้กัน
✔ ดีไซน์ขวดมีเสน่ห์
ขวดหกเหลี่ยมสื่อถึงหกวัตถุดิบหลัก พร้อมอักษรคันจิสลักด้วยมือ “ROKU” บนฉลาก สะท้อนถึงความเคารพต่อศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น – เป็นของขวัญที่ดูดีและมีคุณค่าอย่างแท้จริง
2. Bombay Sapphire Gin
Bombay Sapphire (บอมเบย์ แซฟไฟร์) คือหนึ่งในจินระดับไอคอนที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ด้วยขวดสีน้ำเงินอันโดดเด่นที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความคิดสร้างสรรค์ในโลกแห่งจิน กำเนิดขึ้นในปี 1987 โดยสืบสูตรจาก London Dry Gin คลาสสิกของอังกฤษ แต่พัฒนาให้มีความละมุนและร่วมสมัยมากขึ้น โดยใช้สูตรจากปี 1761 ที่ผสานพฤกษชาติ 10 ชนิดจากหลากหลายภูมิภาคของโลก
ความโดดเด่นของ Bombay Sapphire ไม่ได้อยู่แค่ที่วัตถุดิบ แต่รวมถึงกระบวนการ “Vapour Infusion” ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของแบรนด์ในการกลั่นกลิ่นหอมจาก botanical ทั้งหมดผ่านไอน้ำ แทนการต้มในของเหลวโดยตรง – ทำให้ได้กลิ่นรสที่ละเมียดและคมชัดในทุกคำจิบ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ พฤกษชาติ 10 ชนิดจาก 10 ประเทศ
รวมถึงจูนิเปอร์จากอิตาลี มะนาวจากสเปน อัลมอนด์จากอิตาลี เมล็ดพริกไทยจากแอฟริกา และใบ cubeb จากอินโดนีเซีย – ทำให้เกิดจินที่มีกลิ่นหอมซับซ้อนแต่สมดุล
✔ กลิ่นหอมฟลอรัลผสานสมุนไพร สดชื่นและร่วมสมัย
เปิดด้วยกลิ่น citrus สดชื่น ตามด้วยโน้ตของดอกลาเวนเดอร์และจูนิเปอร์ก่อนจะจบด้วยสัมผัสเผ็ดนิด ๆ ของเครื่องเทศ
✔ กระบวนการ Vapour Infusion เฉพาะตัว
การกลั่นแบบพิเศษช่วยคงกลิ่นหอมที่บริสุทธิ์และละมุน ไม่แหลมหรือขมจัด – เหมาะกับการดื่มในหลากหลายรูปแบบ
✔ เบสยอดนิยมของเหล่าบาร์เทนเดอร์ทั่วโลก
ไม่ว่าจะใช้ผสม Gin & Tonic, Negroni หรือสร้างสรรค์ค็อกเทลซิกเนเจอร์ Bombay Sapphire ก็ตอบโจทย์ด้วยความโปร่งใสและโครงสร้างที่แน่นชัด
3. Dead Man's Finger Coffee Rum
Dead Man’s Fingers เกิดขึ้นจากจิตวิญญาณแห่งการท้าทายกฎเกณฑ์ของโลกแห่งรัมดั้งเดิม โดยมีต้นกำเนิดจาก ร้าน Crab Shack ใน Cornwall, อังกฤษ ที่ขึ้นชื่อเรื่องซีฟู้ดและค็อกเทลสุดแหวกแนว ผู้ก่อตั้งต้องการสร้างรัมที่สะท้อนอารมณ์ "rebellious but refined" – นั่นคือไม่จำเจ แต่ยังคงคุณภาพระดับสูง
Coffee Rum รุ่นนี้ คือหนึ่งในรสชาติยอดนิยมของแบรนด์ ที่ผสานความเข้มของรัมกับความหอมกรุ่นของกาแฟแบบ artisan ได้อย่างลงตัว – เกิดเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายแต่มีสไตล์เฉพาะตัว เหมาะทั้งสำหรับสายร็อคผู้รักรสเข้ม และนักดื่มสายคาเฟอีนที่กำลังมองหาเครื่องดื่มสายกลางคืน
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นกาแฟคั่วเข้ม – หอมกรุ่นเหมือนร้านกาแฟพิเศษ
เปิดด้วยกลิ่นหอมของเอสเพรสโซ่คั่วสด ตามด้วยโน้ตของคาราเมล มอคค่า และถั่วอบ
✔ ดื่มง่ายด้วยรสสัมผัสกลมกล่อม
ให้ mouthfeel ที่นุ่ม ลื่น ไม่ฝาด ไม่หนักเกินไป – จิบเปล่าก็ได้ หรือราดลงไอศกรีมก็ฟิน
✔ อเนกประสงค์ทั้งผสมและจิบเพียว
เป็นเบสที่ยอดเยี่ยมสำหรับค็อกเทลแบบ dessert-inspired เช่น Espresso Rumtini, หรือจะผสมกับโซดาเพื่อดื่มเบา ๆ ก็ทำได้
4. Aperol
Aperol คือลิเคียวสีส้มสดใสจากประเทศอิตาลี ที่ถือกำเนิดในปี 1919 ณ เมือง Padova โดยพี่น้องตระกูล Barbieri ซึ่งต้องการสร้างเครื่องดื่มที่เบา สดชื่น และเข้ากับไลฟ์สไตล์ของชาวอิตาเลียนยุคใหม่ในยุคนั้น
หลังสงครามโลก Aperol กลายเป็น “เครื่องดื่มประจำฤดูร้อน” ของชาวยุโรป โดยเฉพาะเมื่อถูกนำไปผสมเป็น Aperol Spritz – ค็อกเทลสไตล์เวนิสที่กลายเป็นเครื่องดื่มระดับโลกในช่วงศตวรรษที่ 21 จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิตชีวา ความสดชื่น และศิลปะแห่งการเข้าสังคมแบบอิตาเลียน
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นรสเปรี้ยวหวานซับซ้อนจากสมุนไพรและส้ม
ผสานกลิ่นส้มขม (bitter orange) กับสมุนไพรลับเฉพาะที่ไม่เปิดเผยสูตร – ให้กลิ่นรสที่กลมกล่อมแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
✔ แอลกอฮอล์ต่ำ ดื่มง่ายเหมาะสำหรับทุกโอกาส
มีเพียง 11% ABV ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับค็อกเทลเบา ๆ ไม่หนักเกินไป – ดื่มได้ทั้งกลางวันหรือช่วงก่อนอาหาร (Aperitivo)
✔ ไอคอนแห่งสไตล์ ‘Aperol Spritz’
เพียงผสม Aperol + Prosecco + Soda บนน้ำแข็ง พร้อมส้มฝานบาง ๆ – ก็ได้ค็อกเทลที่ทั้งดูดีและดื่มง่ายแบบยุโรปแท้
5. Stolichnaya Cucumber
Stolichnaya หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “Stoli” คือแบรนด์วอดก้าระดับตำนานที่มีต้นกำเนิดจากยุโรปตะวันออก โดยถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1938 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในฐานะวอดก้าคุณภาพสูงที่มีกลิ่นรสสะอาดบริสุทธิ์
ในโลกของวอดก้ากลิ่น (flavored vodka) Stoli คือหนึ่งในผู้บุกเบิกที่ผสานนวัตกรรมเข้ากับความดั้งเดิม และรุ่น Stolichnaya Cucumber นี้คือหนึ่งในกลิ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอเมริกา ด้วยแนวคิด “Fresh & Clean” สำหรับค็อกเทลสายรีเฟรชชิ่งที่ต้องการความหอมสดของแตงกวาแบบธรรมชาติ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมสดชื่นจากแตงกวาธรรมชาติ
เมื่อเปิดขวด จะได้กลิ่นหอมเย็นสะอาดของแตงกวาสดทันที — สะท้อนความบริสุทธิ์จากวัตถุดิบพรีเมียม ผสานกับพื้นฐานวอดก้าที่กลั่นถึง 3 ครั้ง
✔ เหมาะสำหรับสายมิกซ์ค็อกเทล
ไม่ว่าจะเป็นการผสมกับโซดา มะนาว น้ำผึ้ง หรือจะทำเป็น Cucumber Martini ก็ได้กลิ่นและรสที่นุ่มลึกและเย็นสดชื่น
✔ ดื่มง่าย ไม่หวาน ไม่ฉุน
Stolichnaya Cucumber มีความสมดุลระหว่างความเป็นวอดก้าและกลิ่นแตงกวา – ไม่แต่งกลิ่นแบบฉุนเกินไป ให้ความรู้สึกธรรมชาติทุกคำจิบ นิยมใช้สำหรับ mocktail, low-calorie drink และเมนูสายสุขภาพ
6. Tanqueray Gin
Tanqueray ถือกำเนิดขึ้นในกรุงลอนดอนในปี 1830 โดย Charles Tanqueray ชายผู้มีวิสัยทัศน์และหลงใหลในศาสตร์แห่งสมุนไพร เขาทุ่มเทคิดค้นสูตรจินที่ผสานทั้งความซับซ้อน ความบริสุทธิ์ และกลิ่นหอมที่โดดเด่น จนกลายเป็นหนึ่งในสูตรที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากว่า 190 ปี
แม้จะมีต้นกำเนิดในอังกฤษ แต่ Tanqueray กลับกลายเป็น จินอันดับหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากบาร์ทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ด้วยรูปทรงขวดสีเขียวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเชคเกอร์ผสมค็อกเทลยุค 1920s – Tanqueray ไม่ใช่แค่จิน แต่เป็น “สัญลักษณ์ของความคลาสสิกและความแม่นยำ”
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ จินสไตล์ London Dry แท้ – ดั้งเดิมแต่ร่วมสมัย
กลั่น 4 ครั้งเพื่อความบริสุทธิ์สูงสุด พร้อมใช้เพียง 4 บ็อตานิคอลหลัก: จูนิเปอร์, คอเรียนเดอร์, ลิเคอริส และแองเจลิกา – สูตรที่ให้กลิ่นสะอาด ชัดเจน และบาลานซ์ที่สุดในโลกจิน
✔ กลิ่นหอมโดดเด่นของจูนิเปอร์เบอร์รี
Tanqueray คือหนึ่งในจินที่ให้กลิ่นจูนิเปอร์ชัดเจนที่สุด ทำให้ได้กลิ่นสดใส เย็นสะอาด ผสานโน้ตแห้งของสมุนไพร เหมาะกับสายจินคลาสสิก
✔ เหมาะสำหรับ Gin & Tonic และ Dry Martini
เป็นจินที่ได้รับการโหวตว่า “เหมาะที่สุด” สำหรับการทำ Gin & Tonic โดยบาร์เทนเดอร์ทั่วโลก – ให้รสที่คมแต่ดื่มง่าย คงความสดชื่นตั้งแต่คำแรกจนสุดท้าย
✔ หนึ่งในจินที่ขายดีที่สุดในโลก
ด้วยความสมดุลและรสชาติอันแม่นยำ Tanqueray คือหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่เบื้องหลังค็อกเทลระดับตำนานทั่วโลก
7. Talisker 10 Years
Talisker คือโรงกลั่นวิสกี้แห่งเดียวบนเกาะ Isle of Skye หนึ่งในพื้นที่ที่ท้าทายและงดงามที่สุดของสกอตแลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1830 โดยพี่น้อง MacAskill ผู้ฝ่าฟันพายุแห่งแอตแลนติกเพื่อสร้างตำนานแห่งรสชาติที่เปี่ยมด้วยกลิ่นอายของทะเล
ด้วยภูมิประเทศที่ถูกขนาบด้วยมหาสมุทร หินภูเขาไฟ และสายลมแรง Talisker ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของ Isle of Skye ผ่าน วิสกี้ที่มีความเค็มนิด ๆ ควันชัดเจน และสัมผัสของเปลวไฟแฝงกลิ่นเกลือทะเล ถือเป็นตัวแทนของ “ความดิบ ดุดัน แต่สง่างาม” ของชายฝั่งตะวันตกสกอตแลนด์
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ Smoky ที่มีความเค็มเฉพาะตัว — เอกลักษณ์ Talisker
กลิ่นควันชัดเจนแบบ Highland peat ผสานกับกลิ่นทะเลอ่อน ๆ และกลิ่นพริกไทยดำ เรียกว่าเป็น “รสชาติของท้องทะเลในแก้ว”
✔ รสสัมผัสหนักแน่น กลมกล่อม ดุดันอย่างมีชั้นเชิง
ให้สัมผัสแน่นเต็มปาก มีความหวานนวลของมอลต์ โทนเครื่องเทศ (พริกไทย, ขิง) และกลิ่นผลไม้แห้งที่บาลานซ์อย่างลงตัวกับความเผ็ดและควัน
✔ บ่ม 10 ปีในถังไม้โอ๊กอเมริกัน ex-bourbon cask
เพิ่มความกลมกล่อมและโน้ตวานิลลาอ่อน ๆ ทำให้รสชาติของควันและเกลือไม่ดุเกินไป เหมาะทั้งกับนักดื่มหน้าใหม่และสายสโมกกี้ตัวจริง
✔ Scotch Single Malt ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Isle of Skye
หากคุณอยากรู้ว่าเกาะแห่งนี้ “มีรสชาติอย่างไร” Talisker คือคำตอบ — ดิบ แกร่ง และยืนหยัดด้วยตัวเอง
8. Lagavulin 16 Years
Lagavulin (ลากาวูลิน) คือหนึ่งในตำนานแห่งเกาะ Islay ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “บ้านของวิสกี้ควัน” โรงกลั่นนี้ก่อตั้งในปี 1816 โดย John Johnston บนชายฝั่งทางใต้ของเกาะที่มีลมแรงและอากาศเค็มทะเล ทำให้กลิ่นอายของธรรมชาติซึมซับลงในถังบ่มและเนื้อวิสกี้
ด้วยการกลั่นช้า (slow distillation) ที่เป็นเอกลักษณ์ บ่มในถัง ex-sherry cask นานถึง 16 ปี และวิธีการผลิตที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายร้อยปี Lagavulin จึงกลายเป็น Single Malt ระดับไอคอน ที่ทั้งนักดื่มและนักสะสมทั่วโลกรู้จักในนาม “King of Peat”
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นควันลึก & หนักแน่น – สไตล์ Islay ที่สมบูรณ์แบบ
โน้ตของถ่านไม้ เปลวไฟ เกลือทะเล และสาหร่ายแห้ง พร้อมกลิ่นหนังเก่าและไม้โอ๊กเก่า — กลิ่นที่กระตุ้นอารมณ์ราวกับอยู่ริมชายฝั่ง Islay ในวันที่ลมแรง
✔ รสสัมผัสเข้มข้น สง่างาม และลึกซึ้ง
เปิดด้วยรสควันหนักแน่น ตามด้วยพริกไทยดำ เครื่องเทศหวาน น้ำผึ้งเคลือบไม้โอ๊ก และผลไม้แห้ง กลมกล่อมอย่างมีมิติ ให้ประสบการณ์ที่ดื่มแล้ว “รู้สึกถึงเวลา”
✔ บ่ม 16 ปีในถังไม้โอ๊ก
เป็นหนึ่งในวิสกี้ Islay ที่มีอายุบ่มยาวที่สุดในระดับ Classic จึงให้รสชาติที่ซับซ้อน ละเมียด และบาลานซ์ — เหมาะกับการดื่มแบบ Single Dram หรือนั่งจิบข้างกองไฟยามค่ำ
9. Glendalough Calvados XO Cask Finish Single Cask Irish Whiskey
Glendalough (เกลนดาลอก) คือโรงกลั่นคราฟต์วิสกี้จากไอร์แลนด์ที่โด่งดังในฐานะ “The Spirit of the Wild” ด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติของหุบเขา Glendalough ใน County Wicklow ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งตำนานของเซนต์เควินและนักบวชยุคแรก
แบรนด์นี้ได้รับความสนใจจากนักดื่มทั่วโลก ด้วยการผสมผสานศาสตร์โบราณของไอริชวิสกี้เข้ากับความคิดสร้างสรรค์สมัยใหม่ และหนึ่งในขวดที่สร้างเสียงฮือฮาที่สุดคือ Calvados XO Cask Finish – ไวริชวิสกี้ที่นำไปฟินิชในถังแอปเปิลบรั่นดี Calvados XO จากฝรั่งเศส
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ ความหอมสดชื่นจากแอปเปิลฝรั่งเศส
การฟินิชในถัง Calvados XO ทำให้วิสกี้มีโน้ตหอมพิเศษของแอปเปิลสุก แพร์แห้ง และน้ำผึ้ง แทรกด้วยกลิ่นฟลอรัลแบบนอร์มังดี และแอปเปิลเคลือบคาราเมล
✔ รสสัมผัสกลมกล่อม ซับซ้อนแต่เข้าถึงง่าย
กลิ่นแรกให้ความรู้สึกนุ่มละมุนแบบวิสกี้ไอริช ตามด้วยโทนผลไม้สุก กลิ่นอัลมอนด์ และวานิลลาจาง ๆ จากถัง Calvados — มีความสดชื่นแบบแบรนดีและความแน่นแบบวิสกี้ในขวดเดียว
✔ บ่มในถัง Bourbon ก่อนฟินิชในถัง Calvados XO
โครงสร้างหลักจากถัง Bourbon ทำให้ได้รสหวานละมุนคล้ายวานิลลาและไม้โอ๊กอ่อน ๆ ก่อนจะจบด้วยกลิ่นผลไม้ซับซ้อนจากถัง Calvados ชั้นดี
✔ Single Cask, Limited Edition
ปล่อยเฉพาะล็อตพิเศษแบบถังเดี่ยว (Single Cask) จึงมีความแตกต่างเฉพาะตัวในแต่ละขวด เหมาะสำหรับนักดื่มที่มองหาวิสกี้สาย craft ที่ไม่เหมือนใคร
10. Massenez Poire Prisonniere ( Prisoner Pear )
Maison Massenez คือชื่อที่โดดเด่นในโลกของเหล้าผลไม้ (Eaux-de-vie) แห่งฝรั่งเศส โดยถือกำเนิดในแคว้น Alsace ตั้งแต่ปี 1870 ด้วยความเชี่ยวชาญในการกลั่นผลไม้ให้กลายเป็นสุราที่บริสุทธิ์และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
หนึ่งในผลงานที่สะท้อนถึง “ศิลปะ + วิทยาศาสตร์ + ความอดทน” อย่างแท้จริงก็คือ Poire Prisonnière หรือ "ลูกแพร์ในคุก" ซึ่งเกิดจากกระบวนการสุดประณีตที่ต้องนำขวดไปแขวนบนต้นแพร์ตั้งแต่ต้นฤดู เพื่อให้ผลแพร์เติบโตภายในขวดก่อนจะถูกตัดออกและกลั่นด้วยสูตรเฉพาะของ Massenez
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ ลูกแพร์แท้ทั้งลูกในขวดจริง ๆ
นี่ไม่ใช่ของตกแต่ง แต่เป็นลูกแพร์ที่เติบโตในขวดด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมจากฝรั่งเศส — ทุกขวดคืองานฝีมือระดับสูงที่ต้องอาศัยการดูแลในไร่อย่างใกล้ชิด
✔ กลิ่นหอมของแพร์สด + รสสัมผัสที่ใสสะอาดและบริสุทธิ์
กลิ่นผลไม้สุก สดชื่นจากลูกแพร์พันธุ์ Williams ผสานกับความสะอาดบริสุทธิ์ของเหล้าใส Eaux-de-vie – ดื่มแล้วให้สัมผัสสดใส สดชื่น ไม่หวาน แต่เต็มไปด้วย character ของผลไม้แท้
✔ เป็นทั้งสุราหรูหราและของตกแต่งสุดพิเศษ
ด้วยความงดงามของลูกแพร์ในขวดใส ทำให้ Poire Prisonnière เป็นที่นิยมในฐานะของขวัญระดับพรีเมียม หรือของตกแต่งบ้าน ร้านอาหาร และบาร์หรูทั่วโลก