วิธีเลือกแก้วให้เข้ากับ “สปิริต” แต่ละชนิด
เพราะเหล้าดี...ต้องมีแก้วที่ใช่
เพิ่มรสชาติ เสริมบรรยากาศ และสร้างประสบการณ์ใหม่ในการดื่ม
หลายคนอาจคิดว่า "เหล้าดื่มกับแก้วอะไรก็ได้" แต่ในความจริงแล้ว “แก้ว” ที่เราใช้สามารถเปลี่ยนประสบการณ์ดื่มไปได้อย่างสิ้นเชิง จากเหล้าที่ “แค่ดี” → สู่ประสบการณ์ที่ “ประทับใจ”
ทำไม? เพราะ รูปทรงของแก้วมีผลต่อกลิ่น รส และอุณหภูมิที่เรารับรู้ได้ คล้ายกับการดื่มไวน์ที่ต้องมีแก้วเฉพาะ วิสกี้ รัม จิน หรือเตกีลาเองก็มีศาสตร์ของมันเช่นกัน
วันนี้ LIQ9 จะพาคุณไปรู้จักกับ “แก้วที่ใช่” สำหรับแต่ละชนิดของสุรา พร้อมเทคนิคง่าย ๆ เพื่อยกระดับค่ำคืนของคุณให้หรูขึ้นอีกระดับ
1. แก้ววิสกี้ (Tumbler / Glencairn)
● Tumbler (แก้วทรงเตี้ย)
เหมาะกับวิสกี้แบบดื่มชิล ๆ เช่น Bourbon, Scotch ผสมโซดา หรือเสิร์ฟ on the rocks ดีไซน์หนา เตี้ย และมีพื้นที่สำหรับน้ำแข็งพอดีมือ
● Glencairn
< ↑ Explore : Glencairn Glass >
เป็นแก้วที่ออกแบบมาสำหรับการดื่ม Single Malt โดยเฉพาะ ปากแก้วแคบลง ช่วยรวมกลิ่นให้นักดื่มสามารถ "จมูก" เพื่อรับกลิ่นครบทุกโน้ต
TIP: ดื่มแบบ Neat ไม่ใส่น้ำแข็ง พร้อมวอร์มแก้วด้วยมือเบา ๆ ก่อนจิบ
2. แก้วสำหรับจิน (Highball / Copa Glass)
● Highball
ทรงสูงคลาสสิก ใช้กับ Gin Tonic หรือ Gin Soda เน้นความเรียบง่ายและดื่มสบาย ใส่น้ำแข็งเยอะ ช่วยรักษาอุณหภูมิและคาร์บอนของโซดา
● Copa de Balon (แก้วบอลลูน)
< ↑ Explore : Final Touch Durashield Gin Glasses >
นิยมในยุโรป สเปน และอังกฤษ ช่วยขังกลิ่น Botanical ได้ดีกว่า ทรงกลมช่วยให้น้ำแข็งไม่ละลายเร็ว พร้อมพื้นที่สำหรับผลไม้และเครื่องหอมต่าง ๆ
TIP: ใช้เปลือกเลมอนสดฝานบาง ๆ แทนเลมอนหั่น สัมผัสกลิ่นจะชัดกว่า
3. แก้วค็อกเทลคลาสสิก (Martini / Coupe)
● Martini Glass
ทรงกรวยคมคาย สะท้อนภาพลักษณ์ของค็อกเทลแบบ “ดื่มอย่าง James Bond” เหมาะกับเครื่องดื่มที่ต้องการเสิร์ฟเย็นจัด โดยไม่ใช้น้ำแข็งในแก้ว
● Coupe Glass
ทรงโค้งมน งดงามเหมาะกับ Dessert-style cocktail เช่น Espresso Martini, Sidecar หรือ French 75
TIP: หากเป็นเครื่องดื่มหวานอมเปรี้ยว เลือกใช้ Coupe แก้วจะเก็บกลิ่นได้ดีกว่า Martini Glass
4. แก้วสาเก (Ochoko / Wine Glass)
● Ochoko (ถ้วยเล็ก)
ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ใช้กับสาเกอุ่นหรือเสิร์ฟแบบดั้งเดิม ช่วยให้ดื่มพอดีคำ สัมผัสความกลมกล่อมแบบช้า ๆ
● Stemmed Wine Glass
นิยมในยุคใหม่ โดยเฉพาะกับสาเกเย็นระดับ Premium เช่น Daiginjo, Junmai Ginjo ช่วยเปิดกลิ่นผลไม้ ข้าว และกลิ่นฟลอรัลที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น
TIP: ดื่มสาเกเย็นจากแก้วไวน์ขาวจะสัมผัสได้ถึงรสชาติที่ลึกกว่า Ochoko
5. แก้วเตกีลา & เมซคาล (Caballito / Riedel / Copita)
● Shot Glass / Caballito
สำหรับปาร์ตี้แบบ Shot เร็ว แต่ไม่แนะนำกับเตกีลาเกรดพรีเมียม ที่เน้นดื่มด่ำกับรสสัมผัส
● Copita Glass (หรือ Copita Nosing Glass)
ถ้วยทรงดอกทิวลิป ขนาดเล็ก พัฒนาจากแก้วชิมเชอร์รีของสเปน เป็นแก้วที่นักดื่ม Mezcal ตัวจริงนิยมใช้ เพราะสามารถ “หมุน” และ “จมูก” เพื่อเก็บรายละเอียดกลิ่นได้ดี นิยมใช้กับ Mezcal artisanal หรือ Tequila Añejo แบบจิบช้า ๆ
TIP: เตกีลาดีต้องจิบแบบ Neat ในแก้วปากแคบเท่านั้น
6. แก้วทรอปิคอล (Collins / Hurricane / Tiki Mug)
● Collins Glass: Mojito, Tom Collins
ทรงสูงเรียว เน้นความเรียบหรู ใช้กับเครื่องดื่มที่ผสมโซดาหรือมีเนื้อเหลวเยอะ มีพื้นที่ใส่น้ำแข็งได้มาก รักษาอุณหภูมิและฟองของโซดาให้ยาวนาน
● Hurricane Glass: Piña Colada, Mai Tai
แก้วประจำของเครื่องดื่มทรอปิคอล ดีไซน์นี้ช่วยรองรับผลไม้ ตกแต่งดอกไม้ หรือน้ำแข็งบดจำนวนมาก
● Tiki Mug: ใช้ในธีมปาร์ตี้ หรือค็อกเทลทรอปิคอล
ถ้วยลวดลายรูปหน้ากากชนเผ่า Polynesian หรือ Totem มีขนาดใหญ่ ใส่น้ำแข็งบดและวัตถุดิบเยอะ ช่วยให้ “ปาร์ตี้ทั้งคืน” ได้จริง ดีไซน์แก้วพวกนี้ไม่เพียงแค่สวย ยังช่วยเก็บอุณหภูมิและให้พื้นที่ตกแต่งเครื่องดื่มได้เต็มที่
TIP: ใส่ผลไม้สดแบบประณีต เช่น สับปะรดฝานบาง หรือก้านโรสแมรีเผา จะช่วยสร้าง Mood & Aroma ที่พิเศษ
"เหล้าดีมีเสน่ห์ของมัน...แต่แก้วดีจะปลุกเสน่ห์นั้นให้ลุกขึ้นมา"
การเลือกแก้วที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่นหรือการเสิร์ฟให้สวย แต่มันคือศาสตร์ที่ทำให้ กลิ่น–รส–สัมผัส ของสปิริตแต่ละประเภทถูกถ่ายทอดอย่างสมบูรณ์ที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Single Malt ที่จิบผ่าน Glencairn หรือ Gin Tonic ที่เสิร์ฟ Copa Glass ทุกแก้วมีหน้าที่เป็น “เวทีของรสชาติ”
เลือกให้ถูก แล้วจะรู้ว่า “เหล้าขวดเดิม...อร่อยกว่าเดิมได้แค่เปลี่ยนแก้ว”