10 Recommend Spirits June 2025 Week 1
10 สินค้าแนะนำประจำสัปดาห์จาก LIQ9.asia
หากคุณกำลังมองหาเครื่องดื่มพรีเมียมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสัปดาห์นี้… LIQ9.asia ขอแนะนำ 10 สินค้าขายดีที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นสก็อตวิสกี้ระดับตำนานอย่าง The Macallan 18, จินสายคราฟต์จากไอร์แลนด์, เวอร์มุทรสคลาสสิกจากอิตาลี ไปจนถึงลิเคียวร์หรูจากฝรั่งเศส
ทุกขวดคือรสชาติที่ลูกค้าจริงไว้วางใจ คัดสรรมาเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกโอกาสของคุณ

1. The Macallan 18 Year Old Double Cask
The Macallan คือชื่อที่ผู้รักวิสกี้ทั่วโลกรู้จักในฐานะ “ราชาแห่งซิงเกิลมอลต์” จากเขต Speyside ประเทศสกอตแลนด์ จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1824 ซึ่งเป็นปีที่ The Macallan ได้รับใบอนุญาตการผลิตวิสกี้อย่างเป็นทางการ และมุ่งมั่นรักษาคุณภาพในทุกรายละเอียดนับตั้งแต่นั้น
รุ่น 18 ปี Double Cask นี้ เป็นผลลัพธ์จากการบ่มอย่างพิถีพิถันในถังไม้โอ๊กอเมริกันและยุโรปที่เคยใช้หมักเชอร์รี่จากสเปน ซึ่งมอบคุณลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับวิสกี้ทั้งในด้านกลิ่น รส และความนุ่มละมุนของเนื้อสัมผัส
Double Cask ไม่ใช่แค่เรื่องของถัง แต่คือการเดินทางระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ในขวดเดียว — ถ่ายทอดความกลมกล่อมผ่านเวลา 18 ปีอย่างทรงพลังและลุ่มลึก
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ ศิลปะแห่งการบ่มสองวัฒนธรรม
ผสานเสน่ห์ของถัง American Oak ที่ให้กลิ่นวานิลลาและคาราเมล เข้ากับความลึกของ European Oak ที่เปี่ยมด้วยกลิ่นไม้แห้ง เครื่องเทศ และผลไม้แห้ง
✔ รสสัมผัสหรูหรา ละเมียดละไม
กลิ่นนำด้วยแอปเปิ้ลอบ ทอฟฟี่ วานิลลาและอบเชย ก่อนจะเปิดสัมผัสลึกด้วยลูกเกด ส้มแห้ง และโอ๊กหอม เสิร์ฟพร้อมเนื้อสัมผัสนุ่มนวล หรูหรา และ finish ยาวนาน
✔ ตัวแทนความคลาสสิกเหนือกาลเวลา
The Macallan 18 Double Cask คือสัญลักษณ์ของการรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมอย่างสง่างาม เหมาะสำหรับนักสะสม ผู้ชื่นชอบวิสกี้ระดับสูง และผู้ที่มองหาของขวัญทรงคุณค่าที่คู่ควรกับทุกโอกาส

2. Martini Rosso Vermouth
Martini Rosso Vermouth คือสูตรต้นตำรับที่ทำให้โลกหันมารู้จักกับเสน่ห์ของเวอร์มุทอิตาเลียน จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Martini เกิดขึ้นในปี 1863 ณ เมือง Turin ประเทศอิตาลี ซึ่งนับเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องดื่มสมุนไพรในยุคนั้น
สูตร Rosso ถูกพัฒนาขึ้นจากการหมักไวน์กับสมุนไพรมากกว่า 30 ชนิด รวมถึงดอกไม้ เปลือกราก และเครื่องเทศหลากหลาย โดยใช้กรรมวิธีดั้งเดิมที่ได้รับการปกป้องเป็นความลับมายาวนานกว่า 160 ปี
Martini Rosso กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตแบบ Dolce Vita อย่างแท้จริง — จะจิบเปล่า ๆ, ผสมเป็นค็อกเทล Negroni, Manhattan, หรือ Americano ก็ลงตัวทุกสไตล์
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ สูตรต้นตำรับตั้งแต่ปี 1863
Martini Rosso เป็นเวอร์มุทรุ่นแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ Martini ทั่วโลก ด้วยสูตรดั้งเดิมที่ผ่านการปรับสมดุลระหว่างสมุนไพรหวานและขมได้อย่างลงตัว
✔ กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์
โดดเด่นด้วยกลิ่นของสมุนไพร อบเชย วานิลลา และเครื่องเทศหวานที่ซ่อนกลิ่นไม้หอมเบา ๆ สร้างความลุ่มลึกและสง่างามไม่เหมือนใคร
✔ เหมาะทั้งจิบเดี่ยวและเป็นเบสค็อกเทล
ความหวานแบบพอดี พร้อมโน้ตของสมุนไพรทำให้ Martini Rosso เป็น base ที่ได้รับความนิยมในค็อกเทลคลาสสิกทั่วโลก — โดยเฉพาะ Negroni และ Manhattan
✔ ไอคอนแห่งวัฒนธรรมอิตาเลียน
Martini Rosso ไม่ใช่เพียงเครื่องดื่ม แต่คือ “สัญลักษณ์” ของความสง่างามและศิลปะแห่งการใช้ชีวิตในแบบอิตาลีอย่างแท้จริง

Rock Rose Gin เกิดจากความตั้งใจของครอบครัวเล็ก ๆ ในเมือง Dunnet Bay ทางตอนเหนือสุดของสกอตแลนด์ ที่ต้องการสร้างจินซึ่งสะท้อนถึงภูมิประเทศอันงดงามและพืชพรรณเฉพาะถิ่น
รุ่น Sloe Berries Edition คือการนำจินสูตรคลาสสิกของ Rock Rose มาหมักกับผล Sloe Berries (เบอร์รี่ป่าตระกูลพลัม) ที่เก็บด้วยมือในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพื่อสกัดรสชาติและกลิ่นหอมจากธรรมชาติออกมาอย่างอ่อนโยน
ทุกขวดของ Rock Rose ถูกผลิตแบบ small batch และบรรจุในขวดเซรามิกที่เป็นเอกลักษณ์ สื่อถึงความพิถีพิถันของจินระดับงานศิลปะ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ จินจากสกอตแลนด์ที่กลั่นด้วยมือ
ผลิตในโรงกลั่น Dunnet Bay Distillers ด้วยกรรมวิธีกลั่นแบบช้า ๆ (slow distillation) เพื่อรักษากลิ่นและรสของพืชพรรณท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง
✔ เบอร์รี่สายพันธุ์ป่า = รสชาติที่แตกต่าง
Sloe Berries ให้กลิ่นหอมของลูกพลัมแดง ลูกเกด และอัลมอนด์อ่อน ๆ เพิ่มสัมผัสนุ่มหวานและเปรี้ยวแบบธรรมชาติ แตกต่างจากจินทั่วไป
✔ สมดุลระหว่างความสดชื่นกับความละมุน
รสสัมผัสมีความเข้มแบบเบอร์รี่ ตัดกับกลิ่นจินคลาสสิกของ Rock Rose ที่โดดเด่นด้วย Rhodiola rosea, จูนิเปอร์ และเครื่องเทศแบบกลมกล่อม
✔ เหมาะสำหรับดื่มเดี่ยวหรือผสมค็อกเทลเบอร์รี่
ดื่มได้ทั้งแบบ neat, on the rocks หรือจะผสมกับ tonic และตกแต่งด้วยเปลือกส้มหรือ rosemary สำหรับสร้างค็อกเทลที่ซับซ้อนแต่สดใส

4. Glenmorangie The Lasanta – 12 Years (Sherry Wood Finish)
Glenmorangie เป็นหนึ่งในผู้ผลิตซิงเกิลมอลต์วิสกี้ที่เก่าแก่และได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1843 ณ เมือง Tain ทางตอนเหนือของ Highland ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องแหล่งน้ำบริสุทธิ์และถังไม้โอ๊กคุณภาพสูงที่ใช้ในการบ่ม
Lasanta มาจากคำในภาษากลุ่ม Gaelic ซึ่งแปลว่า “ความอบอุ่นและความหลงใหล” สื่อถึงบุคลิกของวิสกี้รุ่นนี้ได้อย่างแม่นยำ เพราะเป็นการนำวิสกี้ที่กลั่นแบบคลาสสิกของ Glenmorangie ไปบ่มต่อในถัง Oloroso และ Pedro Ximénez Sherry จากแคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน
การบ่มในถังเชอร์รีช่วยเติมความหอมหวานแบบลุ่มลึกให้แก่เนื้อวิสกี้ กลายเป็นหนึ่งในรุ่น “finishing cask” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากนักดื่มทั่วโลก
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ ซิงเกิลมอลต์ที่บ่มในถังเชอร์รีสเปน 2 แบบ
Lasanta ใช้ถัง Oloroso เพิ่มโน้ตเครื่องเทศอบอุ่น และถัง Pedro Ximénez เพิ่มความหวานคล้ายทอฟฟี่ ลูกพรุน และช็อกโกแลตเข้มข้น
✔ โทนรสชัดเจนและซับซ้อน
กลิ่นหอมเปิดด้วยเชอร์รี่แห้ง ส้มซิตรัส วานิลลา และอบเชย ผสานกับสัมผัสของน้ำผึ้ง อัลมอนด์ และเปลือกส้มเคลือบช็อกโกแลต
✔ รสนุ่มละมุนด้วยซิกเนเจอร์ของ Glenmorangie
เนื้อสัมผัสนุ่มนวลตามแบบฉบับของ Glenmorangie ที่ใช้เครื่องกลั่นสูงที่สุดในสกอตแลนด์ ให้รสชาติที่สะอาด และละเอียดเป็นพิเศษ
✔ เหมาะสำหรับดื่มเดี่ยวและหลังอาหาร
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจิบเดี่ยว (neat) หลังมื้ออาหาร หรือใช้เป็นของขวัญให้ผู้ชื่นชอบวิสกี้ที่ต้องการความหอมหวานแบบละเมียด

5. Grand Marnier Cordon Rouge
Grand Marnier Cordon Rouge กำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1880 โดย Louis-Alexandre Marnier Lapostolle ชาวฝรั่งเศสผู้บุกเบิกการสร้างเครื่องดื่มแบบใหม่ที่รวมความสง่างามของ คอนญักฝรั่งเศส เข้ากับ เปลือกส้มพันธุ์บิ๊กลาราเฮียจากแคริบเบียน
ขวดที่ประดับด้วยริบบิ้นสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมตราแวกซ์ตราประทับ สะท้อนความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ปัจจุบัน Grand Marnier ได้รับการยอมรับในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และเป็นหัวใจสำคัญในสูตรค็อกเทลคลาสสิกมากมาย เช่น Margarita, Cosmopolitan และ B-52
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ สูตรผสมเฉพาะตัวที่ไม่ใช่แค่ลิเคียวร์ธรรมดา
Cordon Rouge ผสมผสาน คอนญักคุณภาพสูง ที่ผ่านการบ่มเฉลี่ย 2-4 ปี กับ น้ำมันส้มกลั่นเย็น จากเปลือกส้มแห้ง ให้กลิ่นและรสชาติที่มีมิติและซับซ้อนกว่า Triple Sec หรือ Orange Liqueur ทั่วไป
✔ ความหอมส้มที่มาพร้อมความลุ่มลึกของคอนญัก
กลิ่นหอมของซิตรัสสุก วานิลลา เครื่องเทศ และไม้โอ๊กบางเบา ผสานกลิ่นผลไม้แห้งจากคอนญักแท้ ให้ความหรูหราและสดชื่นในคำเดียว
✔ ใช้ได้ทั้งดื่มเดี่ยว ผสมค็อกเทล หรือราดขนม
ไม่ว่าจะเสิร์ฟแบบ neat, on the rocks, หรือในค็อกเทล Grand Marnier ก็ช่วยยกระดับรสชาติได้เสมอ อีกทั้งยังนิยมใช้ในขนมฝรั่งเศส เช่น Crêpe Suzette หรือซอสของหวาน
✔ ไอคอนแห่งฝรั่งเศสที่ครองใจบาร์ทั่วโลก
ด้วยดีไซน์คลาสสิกและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ Grand Marnier Cordon Rouge จึงถูกจัดให้อยู่ในหมวด “Prestige Liqueur” ที่สะท้อนสไตล์ฝรั่งเศสแบบเต็มตัว

6. Jose Cuervo Tradicional Reposado
Jose Cuervo คือชื่อที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของเตกีล่า ก่อตั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1795 โดย Don Jose Antonio de Cuervo ในแคว้น Jalisco ประเทศเม็กซิโก จนถึงวันนี้ได้สืบทอดสูตรลับจากรุ่นสู่รุ่นนานกว่า 10 ชั่วอายุคน
Tradicional Reposado ถือเป็นหนึ่งในรุ่นคลาสสิกของแบรนด์ โดยใช้ Blue Agave 100% กลั่นด้วยวิธีดั้งเดิมและบ่มในถังไม้โอ๊กอเมริกันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง “ความสดแบบเตกีล่า Blanco” และ “ความนุ่มลึกของการบ่ม”
เตกีล่ารุ่นนี้ยังเป็น “ขวดแรก” ที่ Jose Cuervo ผลิตขึ้นในระดับพรีเมียม และยังคงรักษาบรรจุภัณฑ์ทรงกระบอกพร้อมสติ๊กเกอร์วินเทจไว้เหมือนยุคต้นกำเนิด
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ 100% Blue Agave = รสชาติแท้จาก Jalisco
ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลจากพืชอื่น ทำให้ได้กลิ่นและรสอากาเว่บริสุทธิ์ ชัดเจน สดใหม่ และให้สัมผัสแบบดินภูเขาไฟที่ปลูกอากาเว่โดยเฉพาะ
✔ Reposado = ความกลมกล่อมที่บ่มมาอย่างพอดี
การบ่ม 2 เดือนในถังโอ๊กอเมริกันช่วยเพิ่มกลิ่นวานิลลา อบเชย คาราเมล และไม้บางเบา โดยยังคงความสดของเตกีล่าแบบดั้งเดิมไว้
✔ เหมาะทั้งสำหรับจิบเดี่ยวและผสมค็อกเทล
จิบแบบ neat เพื่อรับรสแท้แบบเม็กซิกัน หรือนำไปเป็นฐานของ Margarita, Paloma, หรือ Tequila Sunrise ก็ได้รสชาติที่โดดเด่นกว่าเตกีล่าธรรมดาทั่วไป

7. Auchentoshan Single Malt Scotch Whisky – 12 Years
Auchentoshan (ออกเกินโทชั่น) เป็นโรงกลั่นเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองกลาสโกว์ ภูมิภาค Lowlands ของสกอตแลนด์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1823 โดดเด่นจากผู้ผลิตรายอื่นด้วยเทคนิคเฉพาะ: การกลั่น 3 ครั้ง (Triple Distilled) ซึ่งหาได้ยากมากในวงการซิงเกิลมอลต์
การกลั่น 3 รอบนี้ช่วยให้ได้วิสกี้ที่ นุ่ม เบา และใสสะอาด มากกว่าวิสกี้ทั่วไป จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นเข้าสู่โลกของ Scotch หรือผู้ที่ชื่นชอบความประณีตอย่างมีระดับ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ ซิงเกิลมอลต์ที่กลั่น 3 ครั้ง
ให้เนื้อสัมผัสที่บางเบาแต่นุ่มนวลที่สุดในโลก Scotch วิสกี้ พร้อมโน้ตรสที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ
✔ บ่มในถัง Bourbon และ Oloroso Sherry
ความหอมหวานจากวานิลลา คาราเมล และน้ำผึ้งมาจากถัง Bourbon ขณะที่ถังเชอร์รี่สเปนให้โน้ตผลไม้แห้ง ลูกเกด และเครื่องเทศเบา ๆ
✔ ดื่มง่าย กลมกล่อม ไม่บาดคอ
Auchentoshan 12 ปี เป็นหนึ่งในวิสกี้ที่ถูกแนะนำมากที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะโครงสร้างดี ดื่มง่าย แต่ยังคงความ “ลึก” ของกลิ่นได้อย่างลงตัว

8. Drumshanbo Gunpowder Irish Gin – California Orange
Drumshanbo คือหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันตกของไอร์แลนด์ ที่กลายเป็นบ้านของโรงกลั่นที่เต็มไปด้วยจินตนาการ “The Shed Distillery” โดย Brendan Carty มาสเตอร์ดิสทิลเลอร์ผู้สร้าง Gin ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
Gunpowder Gin มีชื่อเสียงจากการใช้ “Gunpowder Tea” หรือชาเขียวจีนที่ผ่านการอบไฟ ร่วมกับสมุนไพรและเปลือกผลไม้จากเอเชีย เช่น มะกรูด ยี่หร่า ส้มยูซุ
California Orange Edition คือเวอร์ชันที่เพิ่มเติมกลิ่นเปลือกส้มแคลิฟอร์เนียลงไป สร้างจินที่สดใสขึ้น พร้อมสไตล์ Citrus-forward ที่สมดุลระหว่างความแปลกใหม่และความสดชื่นแบบตะวันตก
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมโดดเด่นของเปลือกส้มแคลิฟอร์เนีย
เติมเต็มโน้ตคลาสสิกของ Gunpowder Gin ด้วยกลิ่นส้มที่หอมหวาน สดชื่น และทันสมัย
✔ ผสานเครื่องเทศและชาแบบเอเชีย
ใช้สูตร Gunpowder Tea ผสมพืชสมุนไพร 12 ชนิด เช่น ผิวมะกรูด ยี่หร่า จันทน์เทศ และเมล็ดผักชี ทำให้มีกลิ่นซับซ้อนแต่ดื่มง่าย
✔ รสชาติที่บาลานซ์ระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก
ซิตรัสจากส้มให้ความสดใส ขณะที่โน้ตชาและเครื่องเทศให้ความลึก ดื่มแล้วทั้งสดชื่นและน่าค้นหา

9. Bulleit Rye – Frontier Whiskey
Bulleit Rye คือหนึ่งใน American Rye Whiskey ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นโดย Tom Bulleit ซึ่งได้นำสูตรวิสกี้จากบรรพบุรุษยุคศตวรรษที่ 19 มาต่อยอดในสไตล์ใหม่
แม้จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ Bulleit ยังคงเอกลักษณ์ของ “Frontier Whiskey” ไว้อย่างเหนียวแน่น – ความกล้า ความเรียบง่าย และความกลมกล่อมที่แท้จริงจากการบ่ม
รุ่น Bulleit Rye เปิดตัวในปี 2011 โดยใช้ ไรย์เป็นสัดส่วนสูงถึง 95% ซึ่งมากกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำของกฎหมายอเมริกันวิสกี้อย่างชัดเจน ทำให้ได้รสชาติ “ดิบ เท่ และซับซ้อน” ที่คนรักไรย์วิสกี้เทใจให้
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ ไรย์ 95% = รสชัด สไตล์คลาสสิกอเมริกัน
รสชาติเข้มข้นของเมล็ดไรย์ มีกลิ่นพริกไทยดำ เครื่องเทศแห้ง และผลไม้แห้ง แสดงเอกลักษณ์ของไรย์ได้อย่างเต็มเปี่ยม
✔ โครงสร้างดี รสแน่น ดื่มสะใจ
มี body ที่หนักแน่นแต่ยังดื่มง่าย เหมาะทั้งสำหรับการจิบตรง (neat), บนน้ำแข็ง (on the rocks) หรือใช้เป็น base cocktail อย่าง Manhattan และ Old Fashioned
✔ ได้รับการยอมรับจากบาร์ทั่วโลก
เป็นแบรนด์ Rye Whiskey ที่ถูกเลือกใช้มากที่สุดในหมู่บาร์เทนเดอร์ชั้นนำ ด้วยรสชาติที่คงที่และมิกซ์ได้หลากหลาย

10. Strega Grancaffè – Italian Coffee Liqueur
แบรนด์ Strega มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะผู้ผลิตลิเคียวร์สมุนไพรจากเมือง Benevento ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1860 โดยชื่อ “Strega” แปลว่า “แม่มด” ในภาษาอิตาเลียน ซึ่งสะท้อนถึงเวทมนตร์ของสูตรลับที่ประกอบด้วยสมุนไพรกว่า 70 ชนิด
Strega Grancaffè คือเวอร์ชันที่สร้างขึ้นจากการผสานกาแฟเอสเพรสโซ่เข้มข้นกับลิเคียวร์สมุนไพรสูตรเฉพาะของ Strega ผลลัพธ์คือเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมและรสชาติอันลุ่มลึก
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ ลิเคียวร์กาแฟที่ไม่ธรรมดา
ด้วยการใช้กาแฟสายพันธุ์คุณภาพจากอิตาลี ผสมผสานกับลิเคียวร์ Strega สูตรต้นตำรับ ให้กลิ่นหอมที่ซับซ้อนและไม่หวานเลี่ยน
✔ เนื้อสัมผัสนุ่มนวล กลิ่นหอมชัด
ให้ความรู้สึกคล้ายจิบเอสเพรสโซ่เย็นแบบครีมมี่ แต่มีความลึกและอบอุ่นจากแอลกอฮอล์และสมุนไพรเบา ๆ
✔ เหมาะสำหรับทั้ง After-Dinner Drink และค็อกเทล
ดื่มเดี่ยวก็หอมละมุน หรือใช้เป็น base ในค็อกเทลสายกาแฟ เช่น Espresso Martini หรือ White Russian ก็ให้กลิ่นรสที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น