10 New Arrival Spirits May 2025 Week 4
10 สินค้าใหม่ระดับ Ultra-Premium ประจำสัปดาห์จาก LIQ9.asia
สัปดาห์นี้เราได้รวบรวม 10 ไอเท็มใหม่ล่าสุดที่พร้อมยกระดับประสบการณ์การดื่มของคุณอย่างแท้จริง จากผลงานหายากของ Bruichladdich และ The Macallan ที่พูดถึงเรื่องเวลาและศิลป์ ไปจนถึง Clase Azul Mezcal สองรุ่นใหม่จากภูเขาสูงในเม็กซิโกที่เปิดประสบการณ์ Tequila แบบไม่เคยมีมาก่อน
พบกับ Ron Zacapa XO ที่หอมหวานราวขนมของจักรวาล Caribbean, Martell Chanteloup XXO ที่เปล่งประกายในโลกคอนญัก และ Grappa di Sassicaia ซึ่งนำความคลาสสิกของไวน์ระดับตำนานมาสู่รูปแบบกลั่นที่หรูหราไม่แพ้กัน
อย่าพลาดอีกหนึ่งดาวเด่นจากญี่ปุ่น Dassai Beyond ที่อยู่เหนือระดับ Junmai Daiginjo ทั่วไป และแน่นอน Hennessy Paradis ที่เป็นจิตวิญญาณของคอนญักชั้นสูงอย่างแท้จริง
1. 1800 Tequila Guachimontón Añejo
1800 Tequila คือหนึ่งในแบรนด์เตกีล่าระดับพรีเมียมที่ได้รับความเคารพที่สุดของเม็กซิโก มีจุดเริ่มต้นจากปี ค.ศ. 1800 ซึ่งเป็นปีที่มีการผลิตเตกีล่าแบบบ่มในถังไม้โอ๊คครั้งแรก
รุ่น “Guachimontón Añejo” ได้รับแรงบันดาลใจจากแหล่งโบราณคดีชื่อ Guachimontones — หมู่บ้านทรงกลมที่สื่อถึงวัฒนธรรมพื้นเมืองโบราณของรัฐฮาลิสโก (Jalisco) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเตกีล่าอย่างแท้จริง
ขวดของรุ่นนี้ถูกออกแบบมาอย่างวิจิตร พร้อมลวดลายที่สะท้อนถึงลานพิธีของชาวโบราณ เป็นงานศิลป์ที่ดื่มได้ และน่าสะสมในเวลาเดียวกัน
คาแรกเตอร์เด่น:
เตกีล่ารุ่นนี้ใช้ Blue Weber Agave อายุเฉลี่ย 8–10 ปี จากแหล่งสูงของ Jalisco กลั่นอย่างพิถีพิถัน และผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊คอเมริกันและฝรั่งเศสนานกว่า 12 เดือน จนได้คาแรคเตอร์ที่โดดเด่น
ให้รสสัมผัสที่เข้มข้น ละมุน แต่ยังคงความ “วิญญาณแห่งเตกีล่า” ไว้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับการดื่มเปล่า จิบช้า ๆ หรือเสิร์ฟพร้อมซิการ์ดี ๆ สักมวน
โน้ตการชิม:
สี: อำพันเข้มประกายทอง
กลิ่น: กลิ่นวานิลลา โอ๊คอบอุ่น คาราเมล แอปเปิลอบ และกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ จากอากาเว่
รสสัมผัส: กลมกล่อม เนื้อแน่น รสของวานิลลา คาราเมล ถั่วปิ้ง ผสานกลิ่นไม้โอ๊คและเผ็ดปลายลิ้นเล็กน้อย
ตอนจบ: ยาว อบอุ่น และหรูหรา พร้อมกลิ่นหอมของถังไม้และเปลือกส้มแห้งติดปลายลิ้น
2. Ron Zacapa Centenario XO Rum
Ron Zacapa XO คือสุดยอดผลงานของ Zacapa แบรนด์รัมระดับโลกจากกัวเตมาลา ซึ่งตั้งอยู่ในระดับความสูงกว่า 2,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล — จนได้รับฉายาว่า “บ้านบนท้องฟ้า” (The House Above the Clouds)
รุ่น Centenario XO คือการผสมผสานรัมอายุ 6 ถึง 25 ปี ที่ผ่านระบบบ่มแบบ Solera อันซับซ้อน โดยใช้ถังไม้โอ๊คที่เคยใช้เก็บไวน์เชอร์รี่ เบอร์เบิน และบรั่นดีฝรั่งเศส จนได้รสชาติที่เข้มข้น ลุ่มลึก และนุ่มละมุนในระดับสุดยอด
คาแรกเตอร์เด่น:
Ron Zacapa XO ไม่ใช่แค่รัม แต่คือบทกวีแห่งกลิ่นและรสชาติ โดดเด่นด้วยการใช้ น้ำอ้อยบริสุทธิ์ (virgin sugarcane honey) แทนกากน้ำตาลทั่วไป ทำให้ได้รสชาติที่หอมหวาน ละเมียดละไมกว่า
กลิ่นของผลไม้แห้ง วานิลลา ถั่ว โกโก้ และเครื่องเทศลอยเด่น พร้อมสัมผัสของไม้เก่าและหนังสัตว์อย่างนุ่มลึก เหมาะสำหรับจิบเพียวช้า ๆ หลังอาหาร หรือดื่มคู่กับของหวานและซิการ์ระดับพรีเมียม
โน้ตการชิม:
สี: น้ำตาลเข้มประกายทองแดง
กลิ่น: ลูกพรุน ลูกเกด วานิลลา โกโก้ เปลือกส้ม คาราเมล และเครื่องเทศอบ
รสสัมผัส: เข้มข้น นุ่มลึก เคลือบลิ้น รสของผลไม้แห้ง น้ำผึ้ง วานิลลา และกลิ่นโอ๊คแบบบรั่นดี
ตอนจบ: ยาวนาน หรูหรา ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องไม้เก่ากลิ่นหนังกับแสงไฟสลัว
3. Bruichladdich Black Art Whisky
Bruichladdich Black Art คือหนึ่งในวิสกี้ที่ลึกลับและน่าค้นหาที่สุดจากเกาะ Islay ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งปกติแล้วขึ้นชื่อเรื่องวิสกี้สไตล์ Peated (รมควัน)
แต่ Black Art กลับเลือกเส้นทางตรงกันข้าม — ไม่มีควัน ไม่มีคำอธิบายเรื่องถังบ่ม ไม่มีส่วนผสมเปิดเผย
เป็นการรังสรรค์แบบ "master blender only" โดยให้สิทธิ์เฉพาะผู้กลั่นรุ่นต่อรุ่น ที่จะเลือกถังเก่าหายาก มาผสมกันอย่างมีศิลป์ โดยไม่บอกใครว่าทำอย่างไร
ผลลัพธ์คือวิสกี้ที่ลึก เข้ม ซับซ้อน และลึกลับราวบทกวีในความมืด เหมาะสำหรับนักสะสมและผู้ที่เชื่อใน “สัมผัสเหนือข้อมูล”
คาแรกเตอร์เด่น:
Black Art มีบุคลิกที่แตกต่างจาก Bruichladdich รุ่นอื่น — ไม่มีควัน (Unpeated) แต่เข้มข้นด้วยความเก่าและการบ่มในถังหายาก (เชื่อว่ามีการใช้ทั้ง Sauternes, PX, Oloroso, และไวน์แดงบอร์กโดซ์)
กลิ่นผลไม้แห้ง หนังเก่า โกโก้ เครื่องเทศ และความเปรี้ยวแบบ sherry ผสานกันอย่างลึกล้ำ มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ “เข้าใจ” แต่เพื่อให้คุณ “รู้สึก” — เป็นการเดินทางทางอารมณ์ในรูปของวิสกี้ชั้นเลิศ
โน้ตการชิม:
สี: ทองแดงเข้มอมม่วง คล้ายไวน์พอร์ตเก่า
กลิ่น: เชอร์รี่ดำ ลูกพรุน โกโก้ เปลือกส้มแห้ง หนังเก่า และไม้โอ๊ค
รสสัมผัส: ซับซ้อน ละมุน เนื้อแน่น รสของผลไม้แห้งผสานช็อกโกแลตขม เครื่องเทศ และความหวานแบบไวน์บ่มถัง
ตอนจบ: ยาวลึกเป็นนาที เคลือบลิ้น พร้อมกลิ่นพริกไทยดำและเครื่องเทศที่โอบล้อมปลายลิ้นอย่างลึกลับ
4. The Macallan Time Space Mastery
Time Space Mastery คือหนึ่งในรุ่นลิมิเต็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก The Macallan ที่ไม่เพียงเป็นวิสกี้ แต่คือ “ผลงานเชิงปรัชญา” ที่ถ่ายทอดแนวคิดเรื่อง “เวลาที่ผ่านไปกับการบ่ม” และ “อวกาศของถังไม้ที่บรรจุ” ออกมาอย่างลึกซึ้ง
การสร้างสรรค์รุ่นนี้เป็นความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านเวลา (horology), ศิลปะ, และการกลั่นวิสกี้ โดย The Macallan เลือกถังเก่าหายากจากยุโรปและอเมริกาเหนือ ที่เคยใช้บ่มทั้ง sherry และไวน์มาอย่างยาวนาน
ทุกขวดถูกนำเสนอในแพ็คเกจระดับ ultra-premium ที่สะท้อนโครงสร้างแบบเรขาคณิตแห่งจักรวาล — เหมาะสำหรับนักสะสมที่มองหาผลงานแห่ง “ความหมายและรสชาติ”
คาแรกเตอร์เด่น:
The Macallan Time Space Mastery คือการหลอมรวมระหว่าง เวลา (ระยะเวลาบ่มที่แตกต่างกันแต่ถูกควบคุมด้วย precision) และ พื้นที่ (ที่ตั้งของถังในคลังบ่ม ซึ่งให้ผลต่ออุณหภูมิ ความชื้น และกลิ่นไม้)
กลิ่นเปิดของ เชอร์รี่แห้ง มะเดื่อ โกโก้ และหนังเก่า ผสานความลึกของถัง sherry กับความซับซ้อนของไวน์แดงที่ถูกกลั่นให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
เป็นวิสกี้ที่ไม่ได้เน้นแค่ “ดื่ม” แต่ “ทำความเข้าใจ” — และเมื่อคุณเข้าใจ มันจะเปลี่ยนวิธีที่คุณมองวิสกี้ไปตลอดกาล
โน้ตการชิม:
สี: น้ำตาลอำพันทองแดงเข้ม
กลิ่น: ลูกเกด โกโก้ หนังวินเทจ ถั่วปิ้ง เปลือกส้มแห้ง และกลิ่นเฮิร์บอบอุ่น
รสสัมผัส: แน่น แต่กลม รสของเชอร์รี่ วานิลลา ถั่วฮาเซลนัท แทนนินจากถังไวน์แดง และเครื่องเทศฝรั่งเศส
ตอนจบ: ยาวนาน ลุ่มลึก และหรูหรา ทิ้งกลิ่นไม้โอ๊คหวาน เปลือกซินนามอน และน้ำตาลไหม้อ่อน ๆ อย่างประณีต
5. Clase Azul Mezcal Guerrero
Clase Azul Mezcal Guerrero คือหนึ่งในรุ่นที่ “แตกต่างที่สุด” จากคอลเลกชันของ Clase Azul โดยผลิตจาก agave papalote (Agave Cupreata) สายพันธุ์หายากที่ขึ้นบนภูเขาสูงในรัฐ Guerrero ซึ่งเป็นถิ่นฐานของวัฒนธรรมพื้นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในเม็กซิโก
รัฐ Guerrero มีภูมิประเทศที่ขรุขระ ป่าเขียวชอุ่ม และทะเลแปซิฟิกอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ agave จากที่นี่มีบุคลิกพิเศษ ทั้งในแง่ของดิน หิน และพลังงานทางธรรมชาติ
ขวดเซรามิกสีเขียวมรกตสะท้อนถึงพลังของ “หญิงผู้ปกป้องผืนแผ่นดิน” อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น – Guerrero แปลว่า "นักรบหญิง" ในภาษาสเปน
คาแรกเตอร์เด่น:
ต่างจากเมซคาลทั่วไปที่ให้กลิ่นควันเด่นจนบางครั้งดื่มยาก รุ่น Guerrero นี้กลับให้สมดุลที่นุ่มละมุนและมีมิติแบบ “อีเธอเรียล”
เปิดด้วยกลิ่น ดอกไม้ป่า ชะเอมเทศ มะนาวเขียว และเปลือกไม้ ตามด้วยกลิ่นแร่และสมุนไพรแห้งที่ลอยอยู่ในอากาศ
เป็น Mezcal ที่ไม่เพียงแต่ "อร่อย" แต่ "สะท้อนถึงวัฒนธรรมและสถานที่กำเนิด" อย่างลึกซึ้ง
เหมาะสำหรับการจิบช้า ๆ พร้อมอาหารเม็กซิกันแบบดั้งเดิม หรือเป็นดาวเด่นในดริ๊งก์แบบ Neat หรือ Smoky Paloma
โน้ตการชิม:
สี: ใสอมเขียวจาง (เมื่อสะท้อนแสง)
กลิ่น: ชะเอมเทศ ใบกระวาน ดอกมะลิ มะกรูด แร่ธาตุจากหินภูเขาไฟ
รสสัมผัส: นุ่ม ซับซ้อน ไม่รุนแรง มีทั้งกลิ่นสมุนไพรไทย ดอกไม้ และเปลือกไม้
ตอนจบ: แห้ง กลม สะอาด พร้อมกลิ่นควันบาง ๆ และสัมผัสดินที่ติดลิ้นอย่างละเมียด
6. Clase Azul Mezcal San Luis
Clase Azul Mezcal San Luis คือหนึ่งในผลงานระดับ Masterpiece ของ Clase Azul ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ภูมิภาค San Luis Potosí ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงทางตอนกลางของเม็กซิโก
พื้นที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องดินแร่ หินภูเขาไฟ และภูมิอากาศแบบแห้งแล้ง—ซึ่งเป็นถิ่นของ agave Salmiana หรือ “Green Giant Agave” ที่เติบโตช้าแต่ให้กลิ่นรสเข้มข้นและลุ่มลึกไม่เหมือนใคร
ในรุ่นนี้ Clase Azul ได้ใช้เทคนิคการกลั่นแบบดั้งเดิมของภูมิภาค San Luis ผสานกับเซรามิกขวดเขียนมือสุดหรูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะท้องถิ่นแบบ Huasteca ซึ่งสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของแหล่งผลิตได้อย่างงดงาม
คาแรกเตอร์เด่น:
ถ้า Mezcal Guerrero คือเสียงกระซิบจากป่า Mezcal San Luis คือเสียงสะท้อนของทะเลทราย
เปิดตัวด้วยกลิ่นของ ผลไม้เมืองร้อน ดินแห้ง ดอกไม้ป่า และความเขียวสดจาก Agave Salmiana
รสสัมผัสนุ่มนวลกว่าเมซคาลทั่วไป — มีความ floral + herbal balance ที่ประณีต ไม่เผ็ดร้อนหรือควันจัดจนเกินไป
เหมาะสำหรับนักดื่มที่ต้องการสัมผัส Mezcal สไตล์ใหม่ที่สง่างาม และเต็มไปด้วย “จิตวิญญาณของสถานที่”
โน้ตการชิม:
สี: ใสสะอาดประกายเงิน
กลิ่น: ดอกไม้ป่า กัววา เปลือกส้ม มะม่วงสุก และกลิ่นหินแร่จากทะเลทราย
รสสัมผัส: นุ่มละมุน มีบาลานซ์ของผลไม้หวานอมเปรี้ยวกับโน้ตของ agave สด และดินภูเขาไฟ
ตอนจบ: กลมกล่อม ยาวพอประมาณ พร้อมกลิ่นหอมลึกของ agave และสมุนไพรป่า
7. Martell Chanteloup XXO
Martell Chanteloup XXO คือผลงานระดับ “ultra prestige” ที่รังสรรค์ขึ้นจากคฤหาสน์ Château de Chanteloup ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Maison Martell มานานกว่า 300 ปี
ชื่อ “Chanteloup” ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง แต่คือหัวใจแห่งศิลปะการเบลนด์ ที่ส่งต่อกันมายาวนานนับศตวรรษ
รุ่น XXO นี้คือ Extra Extra Old Cognac ที่ใช้ eaux-de-vie (บรั่นดีพื้นฐาน) มากกว่า 450 ชนิด — ซึ่งผ่านการบ่มไม่น้อยกว่า 14 ปี ขึ้นไปในถังโอ๊คฝรั่งเศสระดับ haute couture
ทุกขั้นตอนถูกควบคุมโดย Cellar Master ของ Martell อย่างปราณีต เพื่อสร้างสรรค์คอนญักที่มีทั้งมิติ ความนวลลึก และพลังในขณะเดียวกัน
คาแรกเตอร์เด่น:
Chanteloup XXO เปรียบได้กับ “ซิมโฟนีแห่งคาราเมล วอลนัต และผลไม้แห้ง” ที่เรียบเรียงอย่างงดงามที่สุด
กลิ่นเปิดด้วยโน้ตของ มะเดื่อ ลูกพรุน คาราเมล ถั่วเฮเซลนัท วานิลลา และโอ๊คขัดมัน ผสานกับสัมผัสของ spice อ่อน ๆ จากการบ่มระยะยาว
ความซับซ้อนและความบาลานซ์ระดับนี้ทำให้ Martell Chanteloup XXO กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของคอนญักกลุ่ม ultra-aged ที่ไม่ใช่แค่ “อายุเยอะ” แต่ “กลมกล่อมแบบผู้ใหญ่ที่ผ่านกาลเวลา”
โน้ตการชิม:
สี: ทองอำพันเข้มข้นแวววาวสะท้อนแสง
กลิ่น: ลูกพรุน มะเดื่อแห้ง ส้มเชื่อม คาราเมล ถั่วอบ วานิลลา โอ๊คเก่า และเครื่องเทศอบจาง ๆ
รสสัมผัส: หนาแน่นแต่เรียบหรู รสผลไม้แห้งหวานมันพอดี โทนโอ๊คไม่กลบผลไม้ แทนนินเนียนละเอียด
ตอนจบ: ยาว ลึก และหอมติดปลายลิ้นอย่างน่าจดจำ เหมือนบทกวีของฝรั่งเศสบนลิ้นคุณ
8. Hennessy Paradis Extra
Hennessy Paradis Extra ถือกำเนิดขึ้นในปี 1979 โดย Maurice Fillioux มาสเตอร์เบลนเดอร์รุ่นที่ 6 แห่งตระกูล
Hennessy โดยตั้งชื่อตามห้อง “Paradis” ซึ่งเป็นห้องใต้ดินเก่าแก่ที่ใช้เก็บ eaux-de-vie (บรั่นดีพื้นฐาน) ที่เก่าและดีที่สุดของบ้านเฮนเนสซี่
eaux-de-vie กว่า 100 ชนิดที่ใช้ใน Paradis Extra นั้นมีอายุเฉลี่ยมากกว่า 25 ปี และบางส่วนมีอายุเกินครึ่งศตวรรษ ทำให้คอนญักรุ่นนี้เป็น “การแสดงออกถึงจิตวิญญาณของเวลา” อย่างแท้จริง
คาแรกเตอร์เด่น:
Paradis Extra คือคอนญักที่ กลมกล่อมที่สุดในไลน์ Hennessy ให้ความรู้สึกสงบ เย้ายวน และประณีตระดับ Fine & Rare
กลิ่นหอมเด่นของ ดอกไม้แห้ง คาราเมล น้ำผึ้ง มะเดื่อ ลูกพรุน และอบเชยอ่อน ๆ ทำให้ทุกจิบเต็มไปด้วยความอบอุ่นและละมุน
เหมาะสำหรับดื่ม Neat ช้า ๆ ในแก้ว tulip glass เพื่อเปิดมิติของกลิ่นได้อย่างลึกซึ้ง หรือจับคู่กับซิการ์ระดับพรีเมียม หรือของหวานอย่างดาร์กช็อกโกแลต
โน้ตการชิม:
สี: ทองอำพันลึกแวววาวขอบแก้วสีอิฐ
กลิ่น: ลูกพรุน มะเดื่อแห้ง วนิลา คาราเมล ดอกไม้แห้ง น้ำผึ้ง และไม้โอ๊คฝรั่งเศส
รสสัมผัส: เนียนละเอียด หรูหรา มีความกลมกล่อมที่สมบูรณ์แบบ รสของผลไม้แห้งค่อย ๆ คลี่ออกเป็นชั้น ๆ พร้อมกลิ่นโอ๊คอบอุ่น
ตอนจบ: ละเมียด ยาวนาน และเปี่ยมเสน่ห์แบบ “นิ่งแต่ตราตรึง”
9. Grappa di Sassicaia (Single-Vintage)
Grappa di Sassicaia คือหนึ่งใน Grappa ที่ทรงคุณค่าที่สุดจากอิตาลี ผลิตโดย Distilleria Poli ร่วมกับ Tenuta San Guido เจ้าของไวน์ในตำนาน “Sassicaia” จาก Bolgheri
โดย Grappa รุ่นนี้ใช้กากองุ่น (marc) จากการผลิต Sassicaia vintage เดียว แล้วกลั่นด้วยวิธีดั้งเดิมแบบ discontinuous steam distillation และบ่มต่อในถังบาริกที่เคยใช้หมักไวน์ Sassicaia
ผลลัพธ์คือ Grappa ที่มีความลึกทางอารมณ์ เทียบชั้นกับซิงเกิลมอลต์เก่า หรือคอนญักเกรด Extra Old ได้อย่างสง่างาม
คาแรกเตอร์เด่น:
Grappa รุ่นนี้มีบุคลิกที่ลุ่มลึกมากกว่าที่คุณคาดจาก Grappa ทั่วไป กลิ่นหอมเปิดตัวด้วย องุ่นหมักแห้ง วานิลลา ถังโอ๊คเก่า เปลือกส้ม และดอกไม้แห้ง
ความพิเศษคือโน้ตของไวน์แดงแบบ Bordeaux Blend ที่หลงเหลือจาก Sassicaia เด่นชัดมากในรุ่นนี้ ทำให้เป็น Grappa ที่ไม่ได้ให้แค่พลัง — แต่ให้มิติ
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับจิบหลังอาหาร หรือนำไปจับคู่กับชีส aged, ดาร์กช็อกโกแลต หรือใช้ในงาน tasting คู่กับไวน์ Sassicaia เองเพื่อประสบการณ์สุดคลาสสิก
โน้ตการชิม:
สี: อำพันเข้มแบบทองแดงอ่อน จากการบ่มถังบาริก
กลิ่น: กากองุ่นหมัก วานิลลา ไม้โอ๊คเก่า เปลือกส้ม ดอกลาเวนเดอร์ และกลิ่นดินแบบ terroir
รสสัมผัส: ละเมียด กลมกล่อม มีบาลานซ์ดีเยี่ยมระหว่างแอลกอฮอล์และความนุ่ม รสไวน์แฝงอยู่ทุกชั้น
ตอนจบ: ยาวและนุ่ม พร้อมกลิ่นถังไม้และเงาของ Sassicaia ที่ติดปลายลิ้นแบบประณีต
10. Dassai Beyond
Dassai Beyond คือสุดยอดสาเกระดับ Ultra Premium จาก Asahi Shuzo Brewery แห่งจังหวัดยามากุจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงสาเกที่ปฏิวัติวงการด้วยแนวคิด “สาเกต้องดื่มง่ายและเข้าถึงได้ – แต่ยังคงความเป็นศิลปะชั้นสูง”
Dassai Beyond ไม่ได้ระบุ “อัตราการขัดสีข้าว” (seimaibuai) เพราะเป้าหมายของรุ่นนี้คือ คุณภาพรสสัมผัสที่เหนือกว่าตัวเลข — สาเกรุ่นนี้ขัดข้าวมากที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสามารถกลั่นออกมาได้อย่างสมดุล และใช้เฉพาะข้าวสายพันธุ์ Yamadanishiki จากแหล่งที่ดีที่สุดเท่านั้น
คาแรกเตอร์เด่น:
Dassai Beyond ถูกผลิตด้วยปณิธาน “ไม่มีขีดจำกัด” กลั่นด้วยความแม่นยำสูงสุดในแบบ Cold Fermentation และควบคุมอุณหภูมิในถังขนาดเล็กเพื่อความสมบูรณ์แบบทุกหยด
รสสัมผัสและกลิ่นของ Beyond ไม่ได้ให้แค่ “ความหอม” แบบ Junmai Daiginjo ทั่วไป แต่มีมิติความ ละมุน หวานนวล สะอาด และโปร่งใสอย่างเหนือธรรมชาติ
เหมาะสำหรับดื่มในโอกาสพิเศษระดับชีวิต หรือมอบเป็นของขวัญให้ผู้ที่ “คุณเคารพที่สุดในชีวิต”
โน้ตการชิม:
สี: ใสบริสุทธิ์เหมือนหยดน้ำพฤกษชาติ
กลิ่น: กลิ่นของดอกซากุระ ลิ้นจี่ เมลอนญี่ปุ่น และข้าวกล้องหอมสะอาด
รสสัมผัส: นุ่มเหมือนไหม ราวกับละลายบนลิ้น รสหวานบาง ๆ และสะอาดราวกับสายน้ำในภูเขา
ตอนจบ: ละเอียด ละเมียด และยาวนานแบบไร้การรบกวน – คือ “ความเงียบอันงดงามของญี่ปุ่น”